Strategic Digital Marketing and Business Transformation
เวลาเรียน
เรียนทุกวันเสาร์
ต่อเนื่อง 7 สัปดาห์ |
รวม 42 ชั่วโมง
| 9.00 – 16.00 น.
เปิดรับสมัครแล้ว
รุ่นที่ 4 เริ่มเรียน 26 ตุลาคม 2567
คำอธิบายหลักสูตร
คอร์สเรียนธุรกิจ เรียนเขียนแผนธุรกิจ หลักสูตรการวางแผนกลยุทธ์ทางดิจิทัลและกระบวนการแปลงธุรกิจเข้าด้วยกันอย่างสมบูรณ์ เน้นคิดเชิงกลยุทธ์ ( หลักสูตร Strategic Thinking ) การวิเคราะห์คู่แข่ง การพัฒนากลยุทธ์ การเพิ่มยอดขาย การตั้งรับและบุกตลาด เข้าใจถึงทิศทางการขายการตลาดและความต้องการของลูกค้าในปัจจุบันและอนาคต รู้จักวิธีการใช้งาน Generative AI เพื่อยกระดับงานด้าน Data เข้าใจถึงกระบวนการทำงานของ Generative AI เพื่อช่วยลดระยะเวลาและลดแรงงานในการทำงาน รวมไปถึงเข้าใจเรื่อง Social Media Strategy และการสร้างคอนเทนต์ให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ทางธุรกิจ และนำไปสู่ Digital Transformation ซึ่งส่งเสริมให้เกิดการเติบโตของธุรกิจ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ซึ่งในหลักสูตรเป็นการผนวกคอร์สเรียนสำคัญสำหรับการทำธุรกิจเอาไว้ Digital Marketing Strategy Course และ Business Strategy Course
สิ่งที่ได้จากการเรียนหลักสูตรนี้
– เพื่อเตรียมความพร้อมในการเข้าสู่ยุคดิจิทัล เสริมสร้างทักษะและความรู้ทางดิจิทัลที่จำเป็นสำหรับการใช้งานจริงและนำการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจไปสู่ยุคดิจิทัลได้อย่างสมบูรณ์
– เพื่อสร้างกลยุทธ์การตลาดทางดิจิทัลที่มีประสิทธิภาพ เรียนรู้การวางแผนและปฏิบัติกลยุทธ์การตลาดทางดิจิทัลที่สอดคล้องกับความต้องการขององค์กรและตลาดในปัจจุบัน
– เพื่อส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีในกระบวนการทำธุรกิจ ให้ผู้เรียนได้เลือกใช้และนำเทคโนโลยีที่เหมาะสมในกระบวนการแปลงธุรกิจและสามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีในการพัฒนาและเสริมสร้างธุรกิจได้อย่างเหมาะสม
– เพื่อสร้างวัฒนธรรมองค์กรที่เชื่อมโยงกับดิจิทัล สร้างความเข้าใจและความตระหนักในวัฒนธรรมองค์กรที่รองรับการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล และส่งเสริมการสร้างวัฒนธรรมที่เชื่อมโยงกับการใช้เทคโนโลยีเพื่อง่ายต่อการทำงาน
– เพื่อสร้างนวัตกรรมและการทำธุรกิจในอนาคต ผู้เรียนจะได้รับความรู้และทักษะในการสร้างนวัตกรรมและการทำธุรกิจในยุคดิจิทัล ซึ่งจะทำให้องค์กรมีการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลที่ยั่งยืน
– เพื่อให้ผู้เรียนสามารถนำทักษะและความรู้ไปใช้ในองค์กร หลักสูตรนี้มุ่งเน้นการสร้างทักษะที่สามารถนำมาใช้ในการแก้ไขปัญหา การวางแผน และการดำเนินการทางดิจิทัลในบริบทของธุรกิจที่ต้องการพัฒนาธุรกิจไปในทิศทางที่ดีขึ้น
หลักสูตรนี้เหมาะสำหรับ
1. ผู้บริหาร เจ้าของธุรกิจ ผู้ประกอบการ และผู้จัดการ
2. Manager ฝ่ายขาย ที่ต้อง Make Executive Decision ในเวลาจำกัด
3. Data Scientist และ Data Analyst ที่อยากสรุปข้อมูลออกมาในรูปแบบเข้าใจง่าย
4. ผู้สนใจ, นักขาย, IT, นักวิชาการที่ต้องการ Up skill การพรีเซนต์ข้อมูลอย่างเป็นระบบ
5. นักการตลาดหรือพนักงานที่ต้องการศึกษาด้านการวางแผนเชิงกลยุทธ์
6. บุคคลทั่วไปที่สนใจเรื่องการคิดและการวางแผนกลยุทธ์
การรับวุฒิบัตร
หลังจากจบการอบรมตามหลักสูตร IDM Council ขอมอบประกาศนียบัตรระดับนานาชาติที่ ได้รับการยอมรับจากหลายสถาบันเช่น European Qualifications Framework, Scottish Qualification Authority, International Board of Digital Marketing และอื่นๆ อีกมากมาย
เรียน Training Business Marketing ที่ไหนดี
- อาจารย์ผู้สอนและเนื้อหาการสอนเป็นภาษาไทย (เหมาะสำหรับผู้ที่สามารถสื่อสารและเข้าใจภาษาไทย)
- IDM Council จัดการเรียนการสอนในระบบ Hybrid ทั้งเรียนแบบ Offline ที่อาคารวรรณสรณ์ (BTS พญาไท) พร้อมเรียน Online แบบ Live ผ่านระบบ
สำหรับนิติบุคคลที่ซื้อคอร์สเรียนที่ IDMCOUNCIL สามารถนำค่าใช้จ่ายดังกล่าวไปลดหย่อนภาษีได้ถึง 200%
ตารางเรียน
Strategy Planning
สัปดาห์ที่ 1 | 9.00 – 12.00 น.
คอร์สเรียนการวางแผนเชิงกลยุทธ์ หลักสูตรการเรียนการ สอนธุรกิจ แบบเน้นการคิดเชิงกลยุทธ์ (Strategic Thinking) และกระบวนการตัดสินใจเชิงกลยุทธ์ (Strategic Decision Making Process) เพื่อให้ผู้เรียนสามารถตรวจสอบปัจจัยแวดล้อมภายนอกและภายในองค์กร ด้วยการใช้เครื่องมือวิเคราะห์ อันอยู่ภายใต้แนวคิด SWOT Analysis และกำหนดกลยุทธ์เบื้องต้นจากการพัฒนาด้วย TOWS Matrix และจัดทำตัวชี้วัดเพื่อการประเมินผลให้สอดคล้องกับกลยุทธ์
เนื้อหาหลักสูตร
1. Introduction to Strategic Planning
ความหมายและความสำคัญของกลยุทธ์ กลยุทธ์หรือแบบแผนที่ทำให้เกิดการปฏิบัติเพื่อนำไปสู่จุดมุ่งหมายหรือความสำเร็จที่ได้ตั้งไว้
2. Environmental Analysis
– PESTLE Analysis : การวิเคราะห์ปัจจัยทางการเมือง, เศรษฐกิจ, สังคม, และเทคโนโลยี
– SWOT Analysis : การวิเคราะห์จุดแข็ง, จุดอ่อน, โอกาส, และอุปสรรค
– TOWS Matrix : อุปสรรค , โอกาส , จุดอ่อน , จุดแข็ง
3. Formulating Strategy
การกำหนดมุมมองธุรกิจ เรียนรู้การกำหนดวิสัยทัศน์ (Vision) และภารกิจ (Mission) การกำหนดวัตถุประสงค์ (Objective) การกำหนดกลยุทธ์ (Strategy) จนไปถึงขั้นตอนการกำหนดแผนปฏิบัติการ (Action Plan) และการสร้างกลยุทธ์ทางธุรกิจและกลยุทธ์ทางการตลาด
4. Implementing Strategy
การนำกลยุทธ์ไปปฏิบัติเพื่อให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์และเป้าหมายขององค์กร โดยมีขั้นตอนต่าง ๆ มากมาย ดังเช่น การกำหนดแผนและการจัดสรรทรัพยากร (Resources Allocation) , การปรับโครงสร้างองค์การ เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงของการใช้กลยุทธ์และการใช้ทรัพยากร , การปรับปรุงเปลี่ยนแปลงในส่วนของระบบและการพัฒนาทรัพยากรบุคคล และการกระจายกลยุทธ์ (Strategic Deployment) เป็นต้น
5. Evaluating and Controlling Strategy
วิธีการวัดและประเมินความสำเร็จของกลยุทธ์ และ การปรับปรุงแผนกลยุทธ์ตามผลการประเมิน เพื่อให้สามารถบรรลุผลสำเร็จตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ โดยพิจารณาจากผลการประเมินแผนกลยุทธ์ ซึ่งรวมถึง ผลการดำเนินงานตามแผนกลยุทธ์ , ปัจจัยแวดล้อมที่เปลี่ยนแปลงไป และความคิดเห็นของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
6. Business Model Canvas
รูปแบบการเขียนสรุป 9 หัวข้อสำคัญที่อธิบายการดำเนินธุรกิจ ที่ทำให้ผู้บริหารและทีมงานทุกคนสามารถมองเห็นภาพรวมของธุรกิจและมีความเข้าใจในทิศทางเดียวกันและสามารถใช้ในการวิเคราะห์เพื่อปรับกลยุทธ์ต่อยอดให้กับกิจการได้
7. Case Studies and Practical Applications
กรณีศึกษาเพื่อประยุกต์ใช้ทฤษฎีที่ได้เรียนรู้ และนำทฤษฎี หลักการไปใช้ในสถานการณ์จริง
Risk and Opportunity Analysis
สัปดาห์ที่ 1 | 13.00 – 16.00 น.
คอร์สเรียนการวิเคราะห์คู่แข่งเพื่อการวางแผนเชิงกลยุทธ์ หลักสูตรนี้เน้นการวิเคราะห์วัตถุประสงค์และเป้าหมาย กำหนด Risk Matrix ใช้วิเคราะห์ผลกระทบ และโอกาสเชิงกลยุทธ์ (Strategic Opportunity) วิเคราะห์ตลาดและโอกาส วิธีการสร้างแนวป้องกันหรือลดผลกระทบของความเสี่ยง รวมทั้งการจัดลำดับความสำคัญของความเสี่ยงโครงและโอกาส เพื่อทราบแนวทางในการติดตามประเมินผล และรายงานผลได้ เพื่อที่จะมั่นใจได้ว่าจะประสบความสำเร็จทั้งในปัจจุบันและอนาคต (Future Success)
เนื้อหาหลักสูตร
1. Risk Management Model
โมเดลการบริหารความเสี่ยง กรอบการทำงานที่กำหนดขั้นตอนและกระบวนการในการระบุ ประเมิน และจัดการความเสี่ยงที่อาจส่งผลกระทบต่อองค์กร
2. Framework (กรอบแนวทางการนำไปปฏิบัติ)
– Principles (หลักการ) : เป็นแนวทางหรือแนวคิดพื้นฐานที่ใช้ในการกำหนดกรอบแนวทางการนำไปปฏิบัติ
– Processes (กระบวนการ) : เป็นขั้นตอนหรือกิจกรรมที่ต้องทำตามเพื่อบรรลุเป้าหมายของกรอบแนวทางการนำไปปฏิบัติ
– Tools (เครื่องมือ) : เป็นอุปกรณ์หรือทรัพยากรที่ใช้ในการสนับสนุนกระบวนการต่างๆ ในกรอบแนวทางการนำไปปฏิบัติ
3. Opportunity Management (กระบวนการบริหารโอกาส)
– Opportunity Identification (การระบุโอกาส) : เป็นการระบุโอกาสทางธุรกิจที่จะเกิดขึ้น โดยพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความต้องการของลูกค้า แนวโน้มของตลาด การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี และโอกาสทางการแข่งขัน
– Opportunity Assessment) (การประเมินโอกาส) : เป็นการประเมินโอกาสที่ระบุไว้ โดยพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น ความเป็นไปได้ของโอกาส ผลกระทบของโอกาสต่อองค์กร และระดับความสำคัญของโอกาส
– Opportunity Planning (การพัฒนาแผนการดำเนินการ) : เป็นการพัฒนาแผนการดำเนินการเพื่อบรรลุโอกาสที่ประเมินแล้ว โดยแผนดำเนินการจะระบุขั้นตอนหรือกิจกรรมที่จำเป็น ทรัพยากรที่จำเป็น และระยะเวลาในการดำเนินการ
– Opportunity Execution (การดำเนินการ) : ดำเนินการตามแผนการที่พัฒนาขึ้น
– Opportunity Monitoring and Evaluation (การติดตามและประเมินผล) : ติดตามและประเมินผลการดำเนินการ เพื่อให้แน่ใจว่ามีโอกาสในการการบรรลุตามเป้าหมายที่วางไว้
4. Integrated Risk Management
– Comprehensiveness (ความครอบคลุม) : ครอบคลุมความเสี่ยงจากทุกประเภท ทั้งความเสี่ยงทางการเงิน ความเสี่ยงทางปฏิบัติการ ความเสี่ยงด้านเทคโนโลยี และความเสี่ยงด้านกฎหมาย
– Connectivity (ความเชื่อมโยง) : การเชื่อมโยงความเสี่ยงจากทุกด้านขององค์กรเข้าด้วยกัน เพื่อให้สามารถมองเห็นภาพรวมของความเสี่ยงได้อย่างครบถ้วน
– Continuity (ความต่อเนื่อง) : การบูรณาการระบบการบริหารความเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ระบบการบริหารความเสี่ยงมีประสิทธิภาพและทันสมัยอยู่เสมอ
Competitor Analysis and Strategy
สัปดาห์ที่ 2 | 09.00 – 12.00 น.
คอร์สเรียนการวิเคราะห์คู่แข่งเพื่อการวางแผนเชิงกลยุทธ์ หลักสูตรนี้เน้นการวิเคราะห์คู่แข่ง การพัฒนากลยุทธ์ การเพิ่มยอดขาย กลยุทธ์การแข่งขันทางการตลาด ตั้งรับและบุกตลาด การจับตลาดเฉพาะ เรียนรู้สูตรและเคล็ดลับความสำเร็จเพื่อนำพาองค์กรสู่การเป็นผู้นำทางการตลาดด้วยแนวทางที่จะเพิ่มยอดขายแก่องค์กร โดยหลักสูตรนี้จะมุ่งเน้นให้ผู้เรียนได้เข้าใจถึงทิศทางการขายการตลาดและความต้องการของลูกค้าในอนาคต รวมถึงการวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงทางการขายการตลาดได้อย่างมีหลักการ การนำหลักการตลาดต่างๆ มาใช้ เพื่อสามารถเอาชนะคู่แข่งได้ตามเป้าหมาย
เนื้อหาหลักสูตร
1. Competitor Analysis ความสำคัญของการวิเคราะห์คู่แข่งขัน
การวิเคราะห์คู่แข่งขันช่วยให้เข้าใจภาพรวมของตลาดว่าเป็นอย่างไร มีคู่แข่งรายใดบ้าง คู่แข่งแต่ละรายมีจุดแข็งและจุดอ่อนอย่างไร กำลังทำอะไรอยู่บ้าง ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้เรากำหนดกลยุทธ์ทางการตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. Learning Market Players
เรียนรู้ผู้เล่นในตลาด (Market Players) ทั้ง 3 ประเภท (ผู้นำตลาด ผู้ท้าทาย ผู้ตาม) มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนตลาดอย่างไร
3. Niche Market Strategy
หลักการทำ Niche Market สร้างความแตกต่างในธุรกิจ การทำการตลาดเพื่อเจาะกลุ่มเป้าหมายเฉพาะกลุ่มที่มีความต้องการเฉพาะเจาะจง
4. Data Driven Marketing
การใช้ข้อมูลที่ได้รับจากกิจกรรมทางการตลาดและการโฆษณาเพื่อช่วยในการตัดสินใจและปรับกลยุทธ์ตลาด โดยการวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อทำให้การตลาดมีประสิทธิภาพมากขึ้น
5. Winback Customer Strategies for Success
เรียนรู้กลยุทธ์เทคนิคที่ทำให้ลูกค้ากลับมาปฏิสัมพันธ์ ซื้อซ้ำ หรือทำตามที่คุณอยากจะให้พวกเขาทำเพื่อให้ตอบโจทย์ทางการตลาดหรือการขายที่ตั้งไว้
6. Five Forces Model
5 โมเดลแรงกดดันทางการแข่งขัน เครื่องมือสำหรับวิเคราะห์คู่แข่ง และสภาพการแข่งขันในตลาด รวมถึงปัจจัยที่สำคัญต่อการดำเนินธุรกิจ เพื่อวางแผนกลยุทธ์ของกิจการ
7. Database Marketing
กลยุทธ์การตลาดที่อาศัยข้อมูลของลูกค้ามาใช้ในการกำหนดเป้าหมาย สร้างสรรค์เนื้อหา และวัดผลแคมเปญการตลาด
8. Customer Life Value Concept
แนวคิดทางธุรกิจที่นำมาใช้ในการวัดค่าทางการเงินที่บริษัทหรือธุรกิจได้รับจากลูกค้าตลอดระยะเวลาที่พวกเขาเป็นลูกค้า เพื่อช่วยในการประเมินว่าการดูแลลูกค้ามีความคุ้มค่าแค่ไหนต่อธุรกิจในระยะยาว
Personalized Marketing
สัปดาห์ที่ 2 | 13.00 – 16.00 น.
คอร์สเรียน กลยุทธ์การตลาดที่มุ่งตอบสนองความต้องการของลูกค้าอย่างเฉพาะเจาะจง หลักสูตรนี้เน้นเข้าถึง Insight จาก Data ผ่านข้อมูลการค้นหาของคนไทย คนทั่วโลก หรือเฉพาะเจาะจงแค่จังหวัดที่คุณสนใจเท่านั้น เพื่อที่นำไปต่อยอดธุรกิจหรือแผนการตลาดให้แม่นยำจาก Data การวิเคราะห์ข้อมูลจากพฤติกรรมการใช้งาน social
เนื้อหาหลักสูตร
1. Personalized Marketing ในเชิง Personalized Communication และ วิธีคิดและการทำ Personalized Product & Service ผู้เรียนจะได้เรียนรู้การเข้าใจกลุ่มเป้าหมายผ่านการวิเคราะห์ข้อมูล, การสื่อสารที่ปรับแต่งโดยใช้ข้อมูลสังคมและเทคโนโลยี, และวิธีคิดและการทำ Personalized Product & Service โดยการใช้ข้อมูลลูกค้า , ใช้เทคโนโลยีแบบ Real-Time , ใช้ประสบการณ์ทางดิจิทัลที่ปรับให้เหมาะกับผู้ใช้ , ใช้ Email Marketing ที่ปรับให้เหมาะกับบุคคล , ใช้ Chatbots และการสนทนาแบบอัตโนมัติ , การใช้ Social Media ในการสื่อสาร และการใช้การตลาดทางออนไลน์แบบทันสมัย เพื่อสร้างผลิตภัณฑ์และบริการที่ตอบสนองต่อความต้องการและความพึงพอใจของลูกค้า
– Personalized Marketing การสร้างภาพรวมที่ครบถ้วนและเปรียบเทียบข้อมูลลูกค้าจากหลายแหล่งที่มีอยู่ในระบบธุรกิจเพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ลึกซึ้งเกี่ยวกับลูกค้าแต่ละราย ภายใต้หัวข้อนี้จะพูดถึงขั้นตอนทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับการทำ Customer Single View ตลอดจนการวิเคราะห์และการใช้ข้อมูลเพื่อการตลาดและบริการที่ปรับเปลี่ยนตามความต้องการของลูกค้า รวบรวมข้อมูลลูกค้า , วิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า เป็นต้น
– การทำ Omni-channel เพื่อเก็บ Data และเป็นช่องทางการสื่อสารกับลูกค้า การสร้างและดำเนินการแบบ Omni-channel ที่ทำให้ธุรกิจสามารถเก็บข้อมูลลูกค้าอย่างทั่วถึงและมีช่องทางการสื่อสารที่หลากหลาย
2. Personalized/Customized Ad สำหรับหาลูกค้าใหม่ กลยุทธ์ที่มุ่งเน้นการสร้างประสบการณ์โฆษณาที่เป็นพิเศษและเข้ากันได้กับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย. นำเสนอข้อความโฆษณาที่ได้รับการปรับแต่งจะช่วยให้กลุ่มเป้าหมายรู้สึกว่าโฆษณาถูกสร้างขึ้นมาเพื่อตอบสนองต่อความสนใจและความต้องการของลูกค้าใหม่
3. Personalized Communication สำหรับการสร้าง Customer Experience
การสื่อสารที่ปรับแต่งให้เหมาะกับแต่ละบุคคล โดยอาศัยข้อมูลและการวิเคราะห์ข้อมูลของลูกค้าเป็นพื้นฐาน
4. Personalized Communication สำหรับการ Up-sales และ Cross-sales สำหรับลูกค้าเดิม
5. Personalized Strategy : One to One Marketing
การตลาดที่มุ่งเน้นไปที่ลูกค้าแต่ละราย โดยพิจารณาถึงความสนใจ ความต้องการ และพฤติกรรมของลูกค้า เพื่อมอบประสบการณ์ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละรายมากที่สุด ช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงและตอบสนองต่อความต้องการได้อย่างตรงจุด ส่งผลให้ธุรกิจสามารถเพิ่มยอดขาย เพิ่มอัตราการทำซ้ำ และลดต้นทุนทางการตลาดได้
6. การใช้ข้อมูลในแบบ Customer Data Platform (CDP)
– Full-featured CDP (แบบเต็มรูปแบบ) CDP ที่มีคุณสมบัติครบถ้วนและครอบคลุมทุกความต้องการของธุรกิจ โดยสามารถรวบรวมข้อมูลลูกค้าจากแหล่งต่าง ๆ ได้หลากหลาย เช่น ระบบ CRM ระบบ POS ระบบอีเมล ระบบโซเชียลมีเดีย เป็นต้น
– Specialized CDP (แบบเฉพาะทาง) ที่มุ่งเน้นไปที่ความต้องการเฉพาะของธุรกิจ เช่น CDP สำหรับธุรกิจค้าปลีก CDP สำหรับธุรกิจการเงิน เป็นต้น CDP แบบเฉพาะทางมักมีราคาที่ถูกกว่า CDP แบบเต็มรูปแบบ แต่มีความสามารถน้อยกว่า
Selling Content Secret
สัปดาห์ที่ 3 | 09.00 – 12.00 น.
คอร์สเรียนเทคนิคลับคอนเทนต์การขาย หลักสูตรนี้จะนำคุณผ่านทุกขั้นตอนของการสร้างและขายเนื้อหาได้อย่างตรงจุดและมีประสิทธิภาพ
เนื้อหาหลักสูตร
1. The Matter of Content Marketing
– Content is King หัวใจสำคัญของสื่อทุกประเภท
2. Content Marketing Funnel มเดลในการวางแผนและสร้างคอนเทนต์การตลาด โดยช่วยกำหนดเป้าหมายและกลยุทธ์ที่เหมาะสมกับแต่ละขั้นตอนของผู้บริโภคได้
– Awareness (สร้างการรับรู้)
– Consideration (การพิจารณา)
– Decision (การตัดสินใจ)
– Action (การดำเนินการ)
3. Customer Analysis
– Demographic Analysis (วิเคราะห์ข้อมูลเชิงประชากรศาสตร์) วิเคราะห์ข้อมูลพื้นฐานเกี่ยวกับกลุ่มเป้าหมาย เช่น อายุ เพศ การศึกษา อาชีพ รายได้ สถานที่ตั้ง เป็นต้น ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้ธุรกิจเข้าใจถึงความต้องการและพฤติกรรมการซื้อของกลุ่มเป้าหมายได้ในระดับหนึ่ง
– Behavioral Analysis (วิเคราะห์ข้อมูลพฤติกรรมการซื้อ) วิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับพฤติกรรมการซื้อของกลุ่มเป้าหมาย เช่น สินค้าที่ซื้อ ช่องทางการซื้อสินค้า ช่วงเวลาที่ซื้อสินค้า เป็นต้น ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้ธุรกิจเข้าใจถึงความต้องการและพฤติกรรมการซื้อของกลุ่มเป้าหมายได้อย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น
– Psychographic Analysis (การวิเคราะห์ข้อมูลเชิงพฤติกรรม) วิเคราะห์ข้อมูลเชิงพฤติกรรมเป็นการวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับทัศนคติ ความเชื่อ ค่านิยม และไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมาย ข้อมูลเหล่านี้ช่วยให้ธุรกิจเข้าใจถึงความต้องการและพฤติกรรมการซื้อของกลุ่มเป้าหมายอย่างครอบคลุมและรอบด้าน
4. Power of Headline เทคนิคและวิธีการเขียน HEADLINE เพื่อดึงดูดลูกค้าคุณภาพบนโลกออนไลน์
– ใช้คำกระตุ้นการตัดสินใจ เช่น “ฟรี”, “ลดราคา”, “เคล็ดลับ”, “วิธี”, “เทคนิค” เป็นต้น จะช่วยกระตุ้นให้ผู้คนอยากคลิกเข้ามาอ่านต่อ
– ใช้ตัวเลข : การใช้ตัวเลขช่วยดึงดูดความสนใจและทำให้หัวข้อดูน่าเชื่อถือมากขึ้น เช่น “10 เทคนิคลดน้ำหนัก”, “5 วิธีเพิ่มยอดขาย”, “7 เหตุผลที่คุณต้องซื้อ” เป็นต้น
– ใช้คำศัพท์ที่สื่อถึงประโยชน์ เช่น “ประหยัด”, “คุ้มค่า”, “ได้ผล”, “สำเร็จ” เป็นต้น จะช่วยดึงดูดความสนใจของผู้อ่านที่มองหาประโยชน์
– ใช้คำศัพท์ที่สื่อถึงปัญหาหรือความต้องการ เช่น “แก้สิว”, “ลดปวดหลัง”, “เพิ่มสมาธิ” เป็นต้น จะช่วยดึงดูดความสนใจของผู้อ่านที่ประสบปัญหาหรือมีความต้องการนั้น ๆ
5. Martech Tool for Content Marketing
– รวมเครื่องมือในการสร้างคอนเทนต์ที่แตกต่าง สร้างสรรค์ และตอบโจทย์ลูกค้าบนโลกดิจิทัล
6. Content Marketing Strategies
– แนวทางการวางกลยุทธ์การทำคอนเทนต์และตัวชี้วัดให้เหมาะสมและตอบโจทย์เป้าหมายการทำการตลาด
Data Analytics for Marketer
สัปดาห์ที่ 3 | 13.00 – 16.00 น.
คอร์สเรียน Data Analytics การนำเสนอแผนภาพข้อมูล คอร์ส หลักสูตรนี้เน้นเรียนตั้งแต่พื้นฐาน ความเข้าใจศาสตร์ความสำคัญของ Data ต่อธุรกิจ หลักการพื้นฐานของการวิเคราะห์ข้อมูลด้วย Data และการวิเคราะห์ข้อมูลทางการตลาด เพื่อให้สามารถใช้ประโยชน์จาก Data ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
เนื้อหาหลักสูตร
1. Data Marketing for Management
– How Data-Driven Run Marketing Strategy การวางภาพรวมกลยุทธ์การตลาด รวมถึงองค์ประกอบของ Data Driven Marketing Framework ที่จะทำให้เข้าใจกระบวนการการนำข้อมูลมาใช้ให้เกิดประโยชน์
– Marketing Goal Set Up ทำความเข้าใจแนวทางและเป้าหมายของธุรกิจแต่ละประเภท เพื่อวางแผนทำการตลาดให้สอดคล้องกับเป้าหมายที่ตั้งไว้
– Data Marketing for Solid Strategy ศึกษาแนวทางการเลือกใช้ข้อมูลและ Use case ต่างๆ ที่ทำให้กลยุทธ์ทางการตลาดได้ผลลัพทธ์ตามที่มุ่งหวังไว้
2. Data Analysis for Marketing Strategy
– Data Marketing Understanding การทำความเข้าใจเกี่ยวกับความสำคัญของข้อมูล และแนวทางการวิเคราะห์ข้อมูลที่ทำให้เราเข้าใจกลุ่มเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น
– Introduction to Data Advance Analytics ทำความรู้จัก Descriptive Analytics หรือการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงอธิบายที่ทำให้เราเข้าใจการวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้มา รวมถึงรู้จัก Diagnostics analytics หรือการวิเคราะห์เชิงวินิจฉันที่ทำให้การวิเคราะห์ข้อมูลสมบูรณ์มากขึ้น
– Hacking data from dashboard เรียนรู้การสำรวจและวิเคราะห์ข้อมูลจากแหล่งที่มาต่างๆ เพื่อให้เข้าใจวิธีการผสมผสานการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงอธิบายและเชิงวินิจฉัยเข้าด้วยกัน และเรียงลำดับความสำคัญของข้อมูลเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ทางการตลาด
– Turning data to action แนวทางการนำข้อมูลที่ได้จากการวิเคราะห์มาใช้ประโยชน์ทางการตลาดตามหลัก 10Ps พร้อมกรณีศึกษาการนำข้อมูลมาปรับใช้กับธุรกิจจากทั้งไทยและต่างประเทศ
3. Data Collection for Acquisition Strategy
– Methods of Market Research ทำความเข้าใจเกี่ยวกับการวิเคราะห์การตลาด และข้อควรระวังในการวิจัยการตลาดแต่ละประเภท เพื่อให้กระบวนการวิจัยมีประสิทธิภาพและดำเนินการตามวัตถุประสงค์
– Introduction to Data Marketing Collection ทำความเข้าใจความสำคัญของการศึกษา Customer Journey และแนวทางการเก็บข้อมูลในโลกออนไลน์ โดยเชื่อมโยงกับพฤติกรรมของผู้บริโภค เพื่อให้เห็นรูปแบบของข้อมูลที่จะนำไปต่อยอดในขั้นตอนถัดไป
– Get to know Data Acquisition เทคนิคการเก็บข้อมูลที่ยังไม่มี หรือยังไม่มีจากแหล่งต่างๆ รวมถึงในโลกออนไลน์โดยไม่ละเมิดนโยบายคาวมเป็นส่วนตัวของผู้บริโภค เพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นปนะโยชน์ต่อการทำงานในกระบวนการถัดไป
4. Data Preparation for Marketing Management
– Business Opportunity with Data Marketing ปูพื้นฐานการจัดเตรียมข้อมูลในมุมมองของธุรกิจเพื่อสร้างความเข้าใจกระบวนการจัดเตรียมและประเภทของข้อมูล
– Data Preparation Overview รู้จักเครื่องมือที่ทำให้การจัดเตรียมข้อมูลเป็นเรื่องง่าย รวมถึงแนวทางการเชื่อมข้อมูลให้สามารถนำไปต่อยอดในกระบวนการ Data Analytics พร้อมกับการลงมือปฏิบัติจริง เกี่ยวกับกระบวนการจัดเตรียมข้อมูลในคลาสเรียน
5. Business Automation & Data Visualization
– The Magic of Business Automation แนวทางในการนำ Business Automation เข้ามาช่วยในการทำการตลาด ด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลที่เป็นประโยชน์ให้เลือกใช้ได้อย่างเหมาะสมกับกิจกรรมทางการตลาดที่ดำเนินอยู่ และส่งเสริมการทำงาน รวมไปถึงลดข้อผิดพลาดที่อาจจะเกิดจากสถานการณ์ต่างๆ
– Data Visualization Elements รู้จักประเภทของข้อมูลที่สามารถนำไปใช้ในการทำ Data Visualization รวมถึงเข้าใจองค์ประกอบของการทำ Data Visualization ที่ควรรู้และง่ายต่อการนำข้อมูลไปปรับใช้ในเครื่องมือต่างๆ
– Dashboard Creation by Looker Studio ทำความรู้จักเครื่องมือในการทำ Data Visualization อย่าง ‘Looker Studio’ ที่ประมวลผลให้ข้อมูลอยู่ในรูปแแบที่เข้าใจง่าย พร้อมลงมือสร้าง Dashboard เพื่อให้รู้จักการใช้ Feature ในการออกแบบข้อมูลและเหมาะสมกับการนำเสนอให้ผู้อื่น
6. Data Activation and Data Marketing Tool
– How can data drive your marketing strategy การเข้าใจความสำคัญของการนำข้อมูลมาใช้ประโยชน์หรือส่งเสริมการทำการตลาดที่สามารถขับเคลื่อนธุรกิจให้ไปในทิศทางที่งวางเป้าหมายไว้
– The component of data activation แนวทางการนำข้อมูลมาใช้ในการทำ Marketing Personalization ที่สามารถนำข้อมูลมาช่วยในการตัดสินใจ และออกแบบกระบวนการให้ตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่ม
– Turn insights into actions using loyalty program by PRIMO ทำความเข้าใจเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่าง Sales CRM กับ Loyalty CRM เพื่อเลือกใช้ข้อมูลให้เหมาะสมกับวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ รวมถึงการเห็นความสำคัญของการจัดเก็บข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบที่พร้อมใช้งาน เพื่อให้เกิดไอเดียและง่ายต่อการนำออกมาใช้
Generative AI and ChatGPT for Data Analytics
สัปดาห์ที่ 4 | 09.00 – 12.00 น.
หลักสูตรการนำเสนอข้อมูลโดยใช้ Generative AI สำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลคอร์สนี้มุ่งเน้นการเรียนรู้และพัฒนาทักษะด้านการวิเคราะห์ข้อมูล ตั้งแต่การสำรวจ จัดระเบียบ และแปลงข้อมูล เพื่อนำมาค้นหาความเข้าใจเชิงลึก (insight) ที่ซ่อนอยู่ในข้อมูล พร้อมการนำเสนอข้อมูลในรูปแบบที่ช่วยสนับสนุนการตัดสินใจ อีกทั้งยังสอนการใช้งาน Generative AI , สอน chatgpt และการเข้าใจหลักการทำงานของระบบ ไม่ใช่เพียงแค่การจำคำสั่ง
เนื้อหาหลักสูตร
1. Intro to Generative AI เรียนรู้หลักการทำงานของ Large Language Models (LLMs) และ Generative AI พร้อมฟีเจอร์เครื่องมือ ChatGPT ก่อนเริ่มใช้งาน
– หลักการทำงาน Generative AI
– ข้อจำกัดของการใช้ Generative AI
– เปรียบเทียบเครื่องมือ Generative AI ต่างๆ เช่น Bard, Chat GPT ฯลฯ
2. Effective Prompt Design
– ฝึกเขียน Prompt ผ่านเทคนิคการเขียนที่มีประสิทธิภาพสูง และได้รับการรับรองจากงานวิจัย เพื่อให้ได้รับผลลัพธ์ที่ต้องการมากที่สุด
– Zero-/ Few-Shot Prompting
– Chain-of-Thought (CoT) Prompting
– Zero-Shot Chain-of-Thought (CoT) Prompting
3. Use Cases ในการวิเคราะห์ข้อมูล พร้อมให้ใช้งานได้ทันที
เรียนรู้การใช้ AI และ ChatGPT ในงาน Data Analytics โดยมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานวิเคราะห์ข้อมูล ทั้งการสำรวจ จัดระเบียบ และแปลงข้อมูลให้พร้อมต่อการหาความเข้าใจเชิงลึก (insight) ที่ซ่อนอยู่ รวมถึงการนำเสนอข้อมูลที่ช่วยให้การตัดสินใจมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
4. Using Generative AI for Data Analytics Process
– Understanding Data Workflow: เข้าใจกระบวนการการทำงานของ Data Analyst เพื่อปรับพื้นฐานให้ผู้เรียนทุกคนเห็นภาพตรงกัน
– Using Generative AI for Data Analytics Process: เรียนรู้การใช้งาน Generative AI เพื่อทำงาน Data Analytics ให้ล้อตามกระบวนการ Data Workflow ตั้งแต่ต้นจนจบ เช่น Dashboard Design , Web Scraping , Coding for Data Analytics , Data Transformation , Data Storytelling
Social Medai Strategy for Business Performance
สัปดาห์ที่ 4 | 13.00 – 16.00 น.
คอร์สเรียนกลยุทธ์โซเชียลมีเดียเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพทางธุรกิจ หลักสูตรนี้เน้นการวางกลยุทธ์การตลาด ให้ผู้เรียนเข้าใจ Social Media เพื่อเข้าใจเรื่อง Social Media Strategy รวมทั้งกลยุทธ์ทางการตลาด และการสร้างคอนเทนต์ให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ทางธุรกิจและกลยุทธ์ของแบรนด์
เนื้อหาหลักสูตร
1. Social Media Marketing Strategy Social Media ที่นำมาพัฒนา Social Media Marketing Strategy องค์กรควรเลือก Social Media ที่ตรงกับกลุ่มเป้าหมายและสอดคล้องกับเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของการทำการตลาด
2. Creating Engaging Content for Target Audience ทำความเข้าใจถึงความสำคัญในการสร้างเนื้อหาที่น่าสนใจและโดนใจกลุ่มเป้าหมาย
– ดึงดูดความสนใจและสร้างความมีส่วนร่วมกับกลุ่มเป้าหมาย เนื้อหาที่ดีจะช่วยดึงดูดความสนใจของกลุ่มเป้าหมายและกระตุ้นให้กลุ่มเป้าหมายมีส่วนร่วมกับเนื้อหา เช่น การกดไลค์ กดแชร์ แสดงความคิดเห็น หรือการสมัครรับข้อมูล เป็นต้น
– สร้างการรับรู้และสร้างภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์ เนื้อหาที่ดีจะช่วยสร้างการรับรู้และสร้างภาพลักษณ์ให้กับแบรนด์ โดยเนื้อหาที่ดีควรมีความน่าเชื่อถือ สร้างสรรค์ และเป็นประโยชน์ต่อกลุ่มเป้าหมาย
– กระตุ้นให้เกิดการซื้อ เนื้อหาที่ดีสามารถกระตุ้นให้เกิดการซื้อได้ โดยเนื้อหาที่ดีควรนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการอย่างน่าสนใจและตรงประเด็น
3. Consumer Behavior การทำความเข้าใจพฤติกรรมของผู้บริโภคและผลกระทบที่มีต่อกลยุทธ์ พฤติกรรมของผู้บริโภคสามารถแบ่งออกเป็นหลายประเภทตามปัจจัยต่างๆ เช่น ปัจจัยส่วนบุคคล ปัจจัยสังคม ปัจจัยวัฒนธรรม ปัจจัยจิตวิทยา และปัจจัยสถานการณ์ เป็นต้น
4. Aligning Social Media Efforts with Overall Business Goals and Objectives การพัฒนาความเข้าใจที่ชัดเจนเกี่ยวกับการสอดคล้องกันของ Social Media และความผสมผสานเข้ากับช่องทางการตลาดและแคมเปญอื่นๆ
5. Analyzing Social Media Competition วิธีการวิเคราะห์การแข่งขันบน Social Media และการตรวจสอบ Social Media บนสถานะปัจจุบัน
6. Social Media Marketing Customer Experience บน Social Media
– การสร้างประสบการณ์ที่โดดเด่น
– การวัดและปรับปรุง Customer Experience
Design a Marketing Strategy
สัปดาห์ที่ 5 | 09.00 – 12.00 น.
คอร์สเรียนการออกแบบกลยุทธ์ทางการตลาด ( digital marketing strategy course ) หลักสูตรนี้เน้นกลยุทธ์การออกแบบและความได้เปรียบทางการตลาดในการแข่งขันทางธุรกิจ การมีผลิตภัณฑ์หรือบริการที่มีคุณภาพอย่างเดียวนั้นไม่เพียงพอ เทคโนโลยีต่าง ๆ เข้ามามีบทบาทมากขึ้น ผู้คนสามารถเข้าถึงสินค้าและบริการได้สะดวกขึ้น ดังนั้นจึงจำเป็นจะต้องมีกลยุทธ์ในการทำการตลาด พร้อมทั้งมีความสามารถในการปรับตัว และเข้าใจการส่งมอบสินค้าและบริการให้กับลูกค้าในยุค Customer-centric เพื่อให้สามารถตอบโจทย์และเอาชนะใจลูกค้า
เนื้อหาหลักสูตร
1. Marketing Theory Analysis เข้าใจ 5C ปัจจัยหลักที่มีผลทั้งต่อตลาด ธุรกิจ และลูกค้า ประกอบด้วย Customer (ลูกค้า) , Company (บริษัท) , Competitor (คู่แข่ง) , Collaborator (ผู้ร่วมมือ) , Context (สภาพแวดล้อม)
2. Market and Customer Segmentation Analysis รู้จักลูกค้าให้ลึกซึ้งผ่าน Customer Journey ประกอบด้วย Awareness (การรับรู้) , Consideration (การพิจารณา) , Decision (การตัดสินใจซื้อ) , Use (การใช้งาน) , Post-purchase (หลังการซื้อ)
3. Data Analysis for New Customer Discovery ไอเดียและวิธีในการมองหาตลาดและกลุ่มลูกค้าใหม่ ผ่านผลลัพธ์ที่ได้จากการวิเคราะห์ข้อมูล
– วิเคราะห์ข้อมูลเชิงปริมาณ เช่น ข้อมูลการขาย ข้อมูลลูกค้า ข้อมูลพฤติกรรมการซื้อ ข้อมูลโซเชียลมีเดีย ข้อมูลประชากรศาสตร์ ข้อมูลเศรษฐกิจ เป็นต้น จะช่วยให้ธุรกิจสามารถมองเห็นแนวโน้มของตลาดและพฤติกรรมของลูกค้า เช่น ตลาดที่กำลังเติบโต ตลาดที่กำลังเปลี่ยนแปลง ความต้องการใหม่ๆ ของผู้บริโภค เป็นต้น
– วิเคราะห์ข้อมูลเชิงคุณภาพ เช่น การสัมภาษณ์ลูกค้า การสำรวจความคิดเห็น การวิจัยเชิงลึก เป็นต้น จะช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าใจความต้องการและประสบการณ์ของลูกค้าได้อย่างลึกซึ้ง เช่น ปัญหาที่ลูกค้ากำลังเผชิญ ความต้องการที่ลูกค้ายังไม่ได้รับ เป็นต้น
– ใช้เครื่องมือทางสถิติ เช่น การวิเคราะห์กลุ่มลูกค้า (segmentation) การวิเคราะห์แนวโน้ม (trend analysis) การวิเคราะห์ความสัมพันธ์ (correlation analysis) เป็นต้น จะช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าใจตลาดและกลุ่มลูกค้าได้อย่างละเอียดยิ่งขึ้น เช่น แบ่งกลุ่มลูกค้าตามความต้องการ พฤติกรรม ลักษณะทางประชากรศาสตร์ เป็นต้น
– ใช้ความคิดสร้างสรรค์ การวิเคราะห์ข้อมูลเป็นเพียงเครื่องมือที่ช่วยให้เรามองเห็นโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ สิ่งสำคัญคือต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์เพื่อพัฒนาไอเดียใหม่ๆ ที่สามารถตอบสนองความต้องการของตลาดและกลุ่มลูกค้าได้อย่างตรงจุด
4. Marketing Objectives Settin กลยุทธ์หลักในการเลือกตลาด หรือกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่สามารถสร้างยอดขายได้อย่างแท้จริง
– เข้าใจความต้องการของลูกค้า ว่าลูกค้าต้องการอะไร มีปัญหาอะไร ต้องการแก้ปัญหาอย่างไร ความต้องการเหล่านี้อาจแตกต่างกันไปตามลักษณะทางประชากรศาสตร์ พฤติกรรมการซื้อ ไลฟ์สไตล์ และปัจจัยอื่นๆ
– วิเคราะห์ศักยภาพของตลาด วิเคราะห์ศักยภาพของตลาดว่าตลาดมีขนาดใหญ่เพียงพอหรือไม่ มีการแข่งขันมากน้อยแค่ไหนหรือแนวโน้มของตลาดเป็นอย่างไร หากตลาดมีขนาดใหญ่และการแข่งขันไม่มากนัก ธุรกิจจะมีโอกาสในการขยายฐานลูกค้าและสร้างยอดขายได้มากขึ้น
– กำหนดเป้าหมาย เลือกตลาดหรือกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เช่น ต้องการเพิ่มยอดขาย ต้องการขยายฐานลูกค้า ต้องการเจาะตลาดใหม่ เป็นต้น
5. Customer Relationship Management การสร้างสรรค์กลยุทธ์และวิธีการเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า และนำมาซึ่งยอดขายตัวอย่าง /กรณีศึกษา องค์กรที่ประสบความสำเร็จในการทำ CRM ในไทยและสากล
Strategy Development
สัปดาห์ที่ 5 | 13.00 – 16.00 น.
คอร์สเรียนการพัฒนาเชิงกลยุทธ์ หลักสูตรนี้เน้นกระบวนการกำหนดทิศทางและเป้าหมายขององค์กรในระยะยาว โดยคำนึงถึงสภาพแวดล้อมทั้งภายในและภายนอกองค์กร รวมไปถึงทรัพยากรและความสามารถขององค์กร การพัฒนากลยุทธ์ที่ดีจะช่วยให้องค์กรบรรลุเป้าหมายได้สำเร็จและมีความยั่งยืน มีความสำคัญต่อองค์กรทุกขนาดและทุกประเภทธุรกิจ เนื่องจากช่วยให้องค์กรสามารถกำหนดทิศทางและเป้าหมายที่ชัดเจน ใช้ประโยชน์จากทรัพยากรที่มีอยู่อย่างมีประสิทธิภาพ และปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมได้อย่างรวดเร็ว
เนื้อหาหลักสูตร
1. BCG Matrix
– Stars : ธุรกิจที่มีส่วนแบ่งการตลาดและการเติบโตสูง ธุรกิจประเภทนี้มีกำไรสูง แต่ต้องการเงินลงทุนสูงเช่นกัน
– Cash Cows : ธุรกิจที่มีส่วนแบ่งการตลาดสูงและการเติบโตต่ำ ธุรกิจประเภทนี้มีกำไรสูงและสร้างกระแสเงินสดจำนวนมากให้กับบริษัท
– Question Marks : ธุรกิจที่มีส่วนแบ่งการตลาดต่ำและการเติบโตสูง ธุรกิจประเภทนี้มีความเสี่ยงสูง แต่มีโอกาสเติบโตสูงเช่นกัน
– Dogs : ธุรกิจที่มีส่วนแบ่งการตลาดต่ำและการเติบโตต่ำ ธุรกิจประเภทนี้มักมีกำไรต่ำหรือขาดทุน
2. Inside-Out vs. Outside-In Strategy
การมองแบบ Outside in และ Inside out แนวคิดที่ใช้ในการวิเคราะห์สถานการณ์หรือกำหนดกลยุทธ์ โดยทั้งสองแนวคิดมีมุมมองที่แตกต่างกัน
– Outside in : เป็นการมองจากภายนอกเข้ามาภายใน
– Inside out : เป็นการมองจากภายในออกไปภายนอก
3. Unique Value Proposition
การค้นหา Unique Value การค้นหาสิ่งที่ทำให้ธุรกิจหรือผลิตภัณฑ์มีความโดดเด่นและแตกต่างไปจากคู่แข่ง
– Unique Value เชิงผลิตภัณฑ์ : สิ่งที่ทำให้ผลิตภัณฑ์มีความโดดเด่นและแตกต่างไปจากผลิตภัณฑ์ของคู่แข่ง เช่น คุณสมบัติพิเศษ นวัตกรรม คุณภาพ การออกแบบ เป็นต้น
– Unique Value เชิงบริการ : สิ่งที่ทำให้บริการมีความโดดเด่นและแตกต่างไปจากบริการของคู่แข่ง เช่น ความสะดวก รวดเร็ว เข้าถึงง่าย ใส่ใจลูกค้า เป็นต้น
4. Unique Selling Points (USP)
– วิธีการค้นหา Unique Selling Points (USP)
– การทดสอบและปรับแต่ง Unique Selling Points (USP)
– วิธีการสื่อสาร Unique Selling Points (USP)
– ข้อควรระวังในการสร้าง Unique Selling Points (USP)
5. Strategic Thinking vs. Strategic Planning
การแยกความแตกต่างระหว่าง Strategic Thinking และ Routine
เป็นสองแนวคิดของการบริหารและการจัดการองค์กร โดยทั้งสองแนวคิดมีความแตกต่างกัน องค์กรควรให้ความสำคัญกับทั้งสองแนวคิดควบคู่กัน โดยควรมีกระบวนการ Strategic Thinking เพื่อสร้างทิศทางและเป้าหมายระยะยาวให้กับองค์กร และควรมีกระบวนการ Routine เพื่อสร้างระบบและขั้นตอนการทำงานที่มีประสิทธิภาพ
Digital Transformation in Action
สัปดาห์ที่ 6 | 09.00 – 12.00 น.
คอร์สเรียนเปลี่ยนธุรกิจในยุคดิจิทัลอย่างมีประสิทธิภาพ หลักสูตรนี้เน้นDigital Transformation ที่จะส่งเสริมให้เกิดการเติบโตของธุรกิจ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เข้าใจการปรับเปลี่ยน Plat form Business เพื่อรองรับตรงตามความต้องการของลูกค้าและสร้างผลกำไรได้อย่างต่อเนื่อง หลักสูตร Digital Transformation เป็นกุญแจหลักที่ผู้เรียนจะได้รับความรู้ที่ถูกต้อง และเป็นประโยชน์ในการนำไปประยุกต์ให้การทำ Digital Transformation ในองค์กรเป็นเรื่องที่เข้าใจง่าย ปฏิบัติได้จริง และเห็นผลลัพธ์ที่ชัดเจน
เนื้อหาหลักสูตร
1. Fundamentals of Digital Transformation
เข้าใจความหมายของคำว่า Digital Transformation อย่างถูกต้อง ความหมายและความสำคัญของ Digital Transformation Digital Transformation ไม่ได้หมายถึงการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้เท่านั้น แต่หมายถึงการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาเปลี่ยนแปลงกระบวนการทำงานและรูปแบบธุรกิจขององค์กรอย่างครอบคลุมและลึกซึ้ง เพื่อให้องค์กรสามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าและการแข่งขันในยุคดิจิทัลได้อย่างมีประสิทธิภาพ
2. Opportunities and Challenges in Digital Transformation
– ความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไปของลูกค้า พฤติกรรมของลูกค้าในยุคดิจิทัลเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก องค์กรจึงจำเป็นต้องนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้ามาช่วยปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า เพื่อให้สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด
– การแข่งขันที่รุนแรงขึ้น การแข่งขันทางธุรกิจในยุคดิจิทัลมีความรุนแรงมากขึ้น องค์กรจำเป็นต้องปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีดิจิทัล เพื่อไม่ให้ถูกคู่แข่งแซงหน้า
– โอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ องค์กรสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อสร้างผลิตภัณฑ์และบริการใหม่ๆ ที่สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้อย่างตรงจุด
3. Organizational Adaptation
– กำหนดเป้าหมายและวัตถุประสงค์ ขั้นตอนแรกคือการกำหนดเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของการทำ Digital Transformation ว่าต้องการบรรลุอะไร เช่น ต้องการปรับปรุงประสบการณ์ของลูกค้า ต้องการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน ต้องการลดต้นทุน เป็นต้น
– วิเคราะห์องค์กร วิเคราะห์องค์กรเพื่อประเมินความพร้อมในการทำ Digital Transformation ว่าองค์กรมีความพร้อมในด้านต่างๆ เช่น เทคโนโลยี บุคลากร วัฒนธรรมองค์กร เป็นต้น
– พัฒนาแผนงาน การพัฒนาแผนงานในการทำ Digital Transformation โดยกำหนดรายละเอียดต่างๆ เช่น เทคโนโลยีที่จะใช้ ระยะเวลาในการดำเนินการ งบประมาณ เป็นต้น
– ดำเนินการตามแผนงาน เมื่อแผนงานได้รับการอนุมัติแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการดำเนินการตามแผนงาน โดยต้องมีการติดตามความคืบหน้าและประเมินผลอย่างสม่ำเสมอ
– ปรับแผนงาน หากแผนงานไม่เป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ จำเป็นต้องมีการปรับปรุงหรือปรับแผนงาน เพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายและวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้
4. Strategic Planning and Competitive Analysis
เข้าใจวิธีการวางกลยุทธ์ และวิเคราะห์ข้อได้เปรียบเพื่อการแข่งขันทางธุรกิจ
5. Digital Transformation Planning and Strategy
ความรู้พัฒนารูปแบบธุรกิจให้เกิด Customer Experience ขึ้นในองค์กร
– Customer Centricity (ยึดลูกค้าเป็นศูนย์กลาง)
– ใช้เทคโนโลยีดิจิทัล
– สร้างวัฒนธรรมองค์กรที่มุ่งเน้นลูกค้า
6. Supporting Technologies and Tools
นำเครื่องมือที่ใช้ในการทำ Digital Transformation มาประยุกต์ใช้ได้อย่างเหมาะสม
– เครื่องมือด้านเทคโนโลยี เช่น ปัญญาประดิษฐ์ (AI), การเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning), การวิเคราะห์ข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data), อินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (IoT), ความเป็นจริงเสมือน (VR), และความเป็นจริงเสริม (AR)
– เครื่องมือด้านกระบวนการ เช่น กระบวนการทำงานอัตโนมัติ (Business Process Automation), การจัดการข้อมูลลูกค้า (Customer Relationship Management), และการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า (Customer Data Analytics)
– เครื่องมือด้านบุคลากร เช่น การฝึกอบรมด้านดิจิทัล (Digital Literacy Training) และการพัฒนาทักษะด้านดิจิทัล (Digital Skills Development)
Data Visualization
สัปดาห์ที่ 6 | 13.00 – 16.00 น.
คอร์สเรียนการนำเสนอแผนภาพข้อมูล หลักสูตรนี้เน้นนำข้อมูลมาวิเคราะห์เพื่อสร้างกลยุทธ์ และสร้างมูลค่าทางธุรกิจ จากแหล่งข้อมูลจำนวนมาก จึงต้องมีการนำข้อมูลไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต้องมีวิธีคิด กระบวนการตัดสินใจ เครื่องมือ มีองค์ความรู้ รวมทั้งบุคลากรที่พร้อมรับมือกับความการเปลี่ยนแปลงและนำเครื่องมือมาวิเคราะห์
เนื้อหาหลักสูตร
1. Basic Concepts in Data Visuali zation
ควรพิจารณาวัตถุประสงค์ของการนำเสนอก่อนออกแบบข้อมูล เพื่อให้ข้อมูลมีความเกี่ยวข้องและตรงตามวัตถุประสงค์ และช่วยให้ผู้ชมสามารถเข้าใจข้อมูลที่ซับซ้อนได้อย่างรวดเร็วและง่ายดาย โดยไม่จำเป็นต้องมีความรู้ด้านสถิติหรือการวิเคราะห์ข้อมูลมาก่อน
2. Choosing the Right Chart Type for Data Visuali zation
– Data Collection (การจัดเก็บข้อมูล) เก็บจากใคร เก็บแบบไหนเก็บอย่างไร ข้อดี – เสีย ในกรจัดเก็บข้อมูลแต่ละประเภทและการเก็บข้อมูลตาม Customer Journey
– Data Preparation (การจัดเตรียมข้อมูล) ประเภทของข้อมูล การจัดหมวดหมู่และการดึงข้อมูลผ่าน Tools
– Data Visualization (การนำเสนอข้อมูลด้วยรูปภาพ) ทำอย่างไรให้เห็นภาพแล้วเข้าใจง่าย กราฟแต่ละประเภทเพื่อออกแบบ Dashboard ตามจุดประสงค์การใช้งาน
– Data Reading & Analysis (การอ่านและวิเคราะห์ข้อมูล) อ่านและวิเคราะห์ข้อมูลต่าง ๆ เช่น Dashboard Infographic เพื่อหาจุดเชื่อมโยงในการซัพพอร์ตการตัดสินใจในทางการตลาด
3. Data Activation & Adaptation (วิธีนำข้อมูลมาประยุกต์ใช้กับธุรกิจ)
Strategy and Innovation Creation
สัปดาห์ที่ 7 | 09.00 – 12.00 น.
คอร์สเรียน ความคิดสร้างสรรค์และการสร้างนวัตกรรมเชิงกลยุทธ์ หลักสูตรนี้เน้นกลยุทธ์และนวัตกรรมเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะทำให้องค์กรสมัยใหม่ประสบความสำเร็จได้ตามวิสัยทัศน์ ภารกิจ วัตถุประสงค์ และเป้าหมายที่วางไว้ โดยมุ่งกระตุ้นและเสริมสร้างความรู้ ความเข้าใจในแนวคิดเรื่องกลยุทธ์และการสร้างนวัตกรรม
เนื้อหาหลักสูตร
1. Innovative Thinking เรียนรู้เกี่ยวกับการใช้ความคิดสร้างสรรค์ การสร้างความคิดใหม่ เป็นเครื่องมือในการสร้างความสามารถทางการแข่งขันของตลาดและธุรกิจ
– การนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการที่ไม่เหมือนใคร ความคิดสร้างสรรค์ช่วยให้คุณสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือบริการที่มีคุณสมบัติหรือคุณค่าที่เฉพาะเจาะจง ทำให้ธุรกิจของคุณเป็นที่น่าสนใจและแตกต่างจากคู่แข่ง
– การตอบสนองต่อความต้องการของตลาด การสร้างความคิดใหม่ช่วยให้คุณสามารถตอบสนองต่อความต้องการและความพึงพอใจของลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ นำเสนอสิ่งใหม่และไม่เคยเห็นมีอาจทำให้ธุรกิจของคุณเด่นชัดในตลาด
– การสร้างความรู้สึกของแบรนด์ที่เข้าใจและสร้างความประทับใจ ความคิดสร้างสรรค์ช่วยให้คุณสามารถสร้างแบรนด์ที่มีความเป็นเอกลักษณ์และทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นว่าธุรกิจของคุณเป็นผู้นำที่คิดสร้างสรรค์
– การสร้างพื้นที่การตลาดที่เฉพาะเจาะจง การนำเสนอความคิดที่ไม่เหมือนใครช่วยสร้างพื้นที่การตลาดที่เฉพาะเจาะจง ทำให้ธุรกิจมีโอกาสในการเติบโตในตลาดที่มีความสนใจ
2. Logical Thinking and Creative Thinking ความเข้าใจเกี่ยวกับกระบวนการคิดของมนุษย์ ที่ส่งผลต่อการเกิดความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมใหม่
– Logical Thinking (การคิดเชิงตรรกะ) เป็นกระบวนการคิดที่อาศัยเหตุผลและข้อมูลในการประมวลผลข้อมูล กระบวนการคิดเชิงตรรกะเป็นกระบวนการคิดที่มักใช้แก้ปัญหาหรือวิเคราะห์ข้อมูล
– Creative Thinking (การคิดสร้างสรรค์) เป็นกระบวนการคิดที่อาศัยจินตนาการและความคิดนอกกรอบในการประมวลผลข้อมูล กระบวนการคิดสร้างสรรค์เป็นกระบวนการคิดที่มักใช้คิดค้นสิ่งใหม่ๆ หรือแก้ปัญหาที่ซับซ้อน
3. Obstacles to Creative Thinking ปัจจัยที่เป็นอุปสรรคต่อการคิด และการสร้างสรรค์สิ่งใหม่
– ความกลัว ความกลัวมักทำให้เราคิดแบบเดิมๆ และไม่กล้าที่จะลองทำสิ่งใหม่ๆ ความกลัวอาจเกิดจากปัจจัยต่างๆ เช่น ความกลัวความล้มเหลว ความกลัวถูกวิพากษ์วิจารณ์ หรือความกลัวการเปลี่ยนแปลง
– ความเคยชิน ความเคยชินทำให้เรามองไม่เห็นสิ่งใหม่ๆ และคิดนอกกรอบไม่ได้ ความเคยชินอาจเกิดจากปัจจัยต่างๆ เช่น ประสบการณ์ ความเชื่อ หรือค่านิยม
– กฎระเบียบ กฎระเบียบอาจถูกจำกัดความคิดและจินตนาการของเรา กฎระเบียบที่เข้มงวดอาจเกิดจากปัจจัยต่างๆ เช่น วัฒนธรรมองค์กร นโยบาย หรือกฎหมาย
– สภาพแวดล้อม สภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้อต่อความคิดสร้างสรรค์ เช่น สภาพแวดล้อมที่กดดัน สภาพแวดล้อมที่ไม่ปลอดภัย หรือสภาพแวดล้อมที่ขาดการสนับสนุน ก็สามารถกลายเป็นอุปสรรคต่อการคิดสร้างสรรค์ได้
4. Innovative Synthesis Pathways การสร้างไอเดียใหม่ผ่านเทคนิคการคิดเชิงสังเคราะห์ (synthesis-typed thinking) การคิดเชิงสร้างสรรค์ (creative thinking) การคิดเชิงประยุกต์ (applicative thinking)
– Synthesis-typed thinking (การคิดเชิงสังเคราะห์) เป็นกระบวนการคิดที่รวบรวมข้อมูลต่างๆ เข้าด้วยกันเพื่อสร้างแนวคิดใหม่ เทคนิคการคิดเชิงสังเคราะห์ที่ใช้ในการสร้างไอเดียใหม่
– Creative thinking (การคิดเชิงสร้างสรรค์) เป็นกระบวนการคิดที่ทำให้เกิดแนวคิดใหม่ๆ ที่ไม่ซ้ำใคร เทคนิคการคิดเชิงสร้างสรรค์ที่ใช้ในการสร้างไอเดียใหม่
– Applicative thinking (การคิดเชิงประยุกต์) เป็นกระบวนการคิดที่นำแนวคิดใหม่มาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ เทคนิคการคิดเชิงประยุกต์ที่ใช้ในการสร้างไอเดียใหม่
5. Generating Fresh Ideas through Adaptation Techniques
เทคนิคการผลิต Idea ใหม่ ๆ ปรับตามโจทย์และสถานการณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น เทคนิคการสร้าง 100 ไอเดียใหม่ภายในเวลา 10 นาที
Business Development and Transformation
สัปดาห์ที่ 7 | 13.00 – 16.00 น.
คอร์สเรียนเพิ่มโอกาสทางธุรกิจด้วยการพํฒนาและเปลี่ยนแปลง หลักสูตรนี้เน้นเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน การกำหนดตัวชี้วัดให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์และพันธกิจ เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติเป็นสิ่งสำคัญ หลักสูตรนี้มุ่งเน้นการพัฒนาทักษะ ความรู้ ความเข้าใจในการกำหนด KPIs เชิงกลยุทธ์ การติดตามและประเมินผลงาน เพิ่มประสิทธิผลของงานและเพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน
เนื้อหาหลักสูตร
1. Market Research ดูความต้องการของตลาดแรงงานสำหรับทักษะต่างๆ
– การสำรวจความคิดเห็น เป็นวิธีการรวบรวมข้อมูลเชิงปริมาณจากกลุ่มตัวอย่างขนาดใหญ่ โดยผู้วิจัยจะจัดทำแบบสอบถามเพื่อสอบถามความคิดเห็นของกลุ่มตัวอย่างเกี่ยวกับทักษะต่างๆ ที่มีความสำคัญต่อตลาดแรงงาน
– การสัมภาษณ์เชิงลึก เป็นวิธีการรวบรวมข้อมูลเชิงคุณภาพจากกลุ่มตัวอย่างขนาดเล็ก โดยผู้วิจัยจะสัมภาษณ์กลุ่มตัวอย่างเพื่อเจาะลึกถึงความคิดเห็นและมุมมองเกี่ยวกับทักษะต่างๆ ที่มีความสำคัญต่อตลาดแรงงาน
– การวิเคราะห์ข้อมูลที่มีอยู่ เป็นวิธีการรวบรวมข้อมูลเชิงปริมาณจากแหล่งข้อมูลต่างๆ เช่น ข้อมูลการจ้างงาน ข้อมูลการศึกษา และข้อมูลประชากรศาสตร์
2. Customer Development ช่วยให้ลูกค้าองค์กรมองเห็น Skill Gaps และวางแผนการพัฒนาบุคลากรในองค์กรได้อย่างเหมาะสม
3. Partnerships สร้างความร่วมมือกับองค์กร สถานศึกษา หรือผู้สอน
4. Operations จัดการงานที่เกี่ยวข้องกับคอร์สต่างๆ ที่มีอยู่ ทั้งออนไลน์และออฟไลน์
5. Key Factor of Success การกำหนดปัจจัยแห่งความสำเร็จของธุรกิจ
6. Strategy Map การใช้แผนที่กลยุทธ์ ในการนำกลยุทธ์ไปสู่แผนปฏิบัติการ เป็นเครื่องมือที่ช่วยในการกำหนดและสื่อสารกลยุทธ์ขององค์กร โดยแสดงความสัมพันธ์ระหว่างวัตถุประสงค์ขององค์กรในมุมมองที่แตกต่างกัน 4 มุมมอง ได้แก่
– Financial Perspective (มุมมองด้านการเงิน) : แสดงถึงเป้าหมายทางการเงินขององค์กร เช่น ผลกำไร การเติบโต มูลค่าตลาด
– Customer Perspective (มุมมองด้านลูกค้า) : แสดงถึงเป้าหมายในการตอบสนองความต้องการของลูกค้า เช่น ความพึงพอใจของลูกค้า การสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้า
– Internal Process Perspective (มุมมองด้านกระบวนการภายใน) : แสดงถึงเป้าหมายในกระบวนการภายในขององค์กร เช่น ประสิทธิภาพของกระบวนการ นวัตกรรม
– Learning and Growth Perspective (มุมมองด้านการเรียนรู้และการเติบโต) : แสดงถึงเป้าหมายในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และองค์กร เช่น ความรู้และทักษะของพนักงาน วัฒนธรรมองค์กร
7. Steps for using strategy maps to translate strategies into action plans
ขั้นตอนการใช้แผนที่กลยุทธ์ในการนำกลยุทธ์ไปสู่แผนปฏิบัติการ
– กำหนดวิสัยทัศน์และพันธกิจขององค์กร วิสัยทัศน์และพันธกิจเป็นพื้นฐานของกลยุทธ์ขององค์กร โดยวิสัยทัศน์เป็นภาพอนาคตที่องค์กรต้องการเป็น ส่วนพันธกิจคือหน้าที่หลักขององค์กรที่ต้องดำเนินการเพื่อให้บรรลุวิสัยทัศน์
– วิเคราะห์สภาพแวดล้อมขององค์กร การวิเคราะห์สภาพแวดล้อมขององค์กรจะช่วยให้องค์กรเข้าใจปัจจัยต่างๆ ที่ส่งผลกระทบต่อองค์กร เช่น ปัจจัยทางการตลาด ปัจจัยทางเศรษฐกิจ ปัจจัยทางเทคโนโลยี ปัจจัยทางสังคม และปัจจัยทางกฎหมาย
– วิเคราะห์จุดแข็งและจุดอ่อนขององค์กร การวิเคราะห์จุดแข็งและจุดอ่อนขององค์กรจะช่วยให้องค์กรเข้าใจปัจจัยภายในที่ส่งผลต่อความสำเร็จขององค์กร
– กำหนดเป้าหมายขององค์กร เป้าหมายขององค์กรเป็นการกำหนดสิ่งที่องค์กรต้องการบรรลุ โดยเป้าหมายควรมีความชัดเจน วัดผลได้ ท้าทาย และบรรลุได้
– กำหนดตัวชี้วัดของเป้าหมาย ตัวชี้วัดของเป้าหมายเป็นเครื่องมือในการวัดความสำเร็จในการบรรลุเป้าหมาย โดยตัวชี้วัดควรมีความชัดเจน วัดผลได้ เชื่อถือได้ และสอดคล้องกับเป้าหมาย
– กำหนดแผนงาน แผนงานเป็นการกำหนดแนวทางในการบรรลุเป้าหมาย โดยแผนงานควรมีความชัดเจน ครอบคลุม และสามารถดำเนินการได้
– สื่อสารกลยุทธ์ การสื่อสารกลยุทธ์เป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ทุกคนในองค์กรเข้าใจกลยุทธ์และมีส่วนร่วมในการดำเนินการ
Promotions
Testimonial
สนใจเรียนลงทะเบียน!!
กรอกฟอร์มด้านล่างเพื่อรับการติดต่อกลับรับรายละเอียดเพิ่มเติมจากเจ้าหน้าที่
คอร์สเรียน Digital Marketing ที่น่าสนใจ
ChatGPT for Business
คอร์สเรียน “ChatGPT for Business” นี้จะเตรียมคุณให้พร้อมในการเปลี่ยนแปลงธุรกิจด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าและสร้างกลยุทธ์การตลาดที่เป็นที่นิยมในยุคดิจิทัล
Boost Your Productivity
ในคอร์สนี้คุณจะได้เรียนรู้เทคนิคและวิธีการใช้เครื่องมือและเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน รวมถึงเรียนรู้เทคนิคการจัดการเวลา การวางแผน
Social Media Marketing
คอร์สอบรมเน้นพัฒนาความรู้ด้านโซเชียลมีเดีย หลัก 6 หัวข้อหลักเช่น คอนเทนต์ Facebook Instagram TikTok LineOA และกฎหมาย เน้นสร้างกลยุทธ์