อัปเดต! ปี 2567 มาตรการลดหย่อนภาษี สำหรับนิติบุคคล
ในยุคที่ธุรกิจและนิติบุคคลมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมเศรษฐกิจ “ภาษีเงินได้นิติบุคคล” มาตรการลดหย่อนภาษีเป็นเครื่องมือหนึ่งที่รัฐบาลให้เพื่อส่งเสริมการลงทุนและพัฒนาธุรกิจท้องถิ่น ในบทความนี้เราจะสำรวจกระบวนการวิธีลดภาษีและไปทำความรู้จักประเภทของภาษี วิธีการลดหย่อนภาษีสำหรับนิติบุคคลรวมไปถึงข้อจำกัดและเงื่อนไขการลดหย่อนภาษี
ประเภทของภาษี
ประเภทของภาษีในประเทศไทย แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทหลัก คือ ภาษีทางตรง และภาษีทางอ้อม
1. ภาษีทางตรง คือภาษีที่เก็บจากบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคลที่มีรายได้โดยตรง
– ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา : เก็บจากบุคคลธรรมดาที่มีรายได้จากเงินเดือน ธุรกิจ อาชีพ จะเสียภาษี 5-35% ของเงินได้
– ภาษีเงินได้นิติบุคคล : เก็บจากนิติบุคคล เช่น บริษัท ห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล เสียภาษี 20% ของกำไร
– ภาษีมรดก : เก็บจากทายาทที่รับมรดก
– ภาษีทรัพย์สิน : เก็บจากผู้ครอบครองทรัพย์สิน เช่น ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง ภาษีรถยนต์
– ภาษีธุรกิจเฉพาะ : เก็บจากผู้ประกอบธุรกิจบางประเภท เช่น ภาษีโรงแรม ภาษีสรรพสามิต
2. ภาษีทางอ้อม คือภาษีที่เก็บจากผู้บริโภคโดยผ่านราคาสินค้าและบริการ
– ภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) : เก็บ 7% ของราคาสินค้าและบริการ
– ภาษีศุลกากร : เก็บจากสินค้าที่นำเข้าประเทศ
– ภาษีสรรพสามิต : เก็บจากสินค้าบางประเภท เช่น สุรา บุหรี่ น้ำมัน
นอกจากนี้ ยังมีภาษีอื่น ๆ อีก เช่น ภาษีอากรแสตมป์ ภาษีขาเข้า ภาษีท้องถิ่น
ค่าใช้จ่ายที่หักลดหย่อนภาษีได้ 100%
1. เงินบริจาค
เงินบริจาคให้กับพรรคการเมือง ลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 10,000 บาท
เงินบริจาคเพื่อการศึกษา กีฬา พัฒนาสังคม สาธารณกุศล สถานพยาบาลของรัฐ ลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่าของเงินบริจาคจริง สูงสุดไม่เกิน 10% ของเงินได้หลังจากหักค่าลดหย่อน
2. เบี้ยประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลา
กรณีผู้เอาประกันภัยมีอายุไม่เกิน 60 ปี ลดหย่อนภาษีได้ 10% ของเงินได้
กรณีผู้เอาประกันภัยมีอายุ 61-70 ปี ลดหย่อนภาษีได้ 15% ของเงินได้
กรณีผู้เอาประกันภัยมีอายุ 71 ปีขึ้นไป ลดหย่อนภาษีได้ 20% ของเงินได้
3. เบี้ยประกันสุขภาพ
เบี้ยประกันสุขภาพของตนเอง ลดหย่อนภาษีได้ 25,000 บาท
เบี้ยประกันสุขภาพของคู่สมรส ลดหย่อนได้ 15,000 บาท
เบี้ยประกันสุขภาพของบุตร ลดหย่อนภาษีได้ 15,000 บาท (ต่อบุตร 1 คน)
เบี้ยประกันสุขภาพของบิดามารดา ลดหย่อนภาษีได้ 15,000 บาท (ต่อบิดามารดา 1 คน)
4. เบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ
ลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 15% ของเงินได้ เมื่อรวมกับเบี้ยประกันชีวิตแบบชั่วระยะเวลาแล้ว ต้องไม่เกิน 200,000 บาท
5. เงินจ่ายสำหรับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
ลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 15% ของเงินได้ เมื่อรวมกับเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญแล้ว ต้องไม่เกิน 500,000 บาท
6. เงินจ่ายสำหรับกองทุน RMF
ลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 30% ของเงินได้ เมื่อรวมกับเงินจ่ายสำหรับกองทุน SSF แล้ว ต้องไม่เกิน 500,000 บาท
7. เงินจ่ายสำหรับกองทุน SSF
ลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท
8. เงินจ่ายสำหรับกองทุน LTF
ลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 500,000 บาท
9. ค่าลดหย่อนสำหรับบุตร
บุตรที่อายุไม่เกิน 18 ปี ลดหย่อนภาษีได้ 30,000 บาท (ต่อบุตร 1 คน)
บุตรที่อายุ 18-25 ปี และกำลังศึกษาอยู่ ลดหย่อนภาษีได้ 30,000 บาท (ต่อบุตร 1 คน)
บุตรพิการ ลดหย่อนภาษีได้ 60,000 บาท (ต่อบุตร 1 คน)
10. ค่าลดหย่อนสำหรับผู้ปกครอง
บิดามารดาที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป ลดหย่อนภาษีได้ 30,000 บาท (ต่อบิดามารดา 1 คน)
บิดามารดาที่พิการ ลดหย่อนภาษีได้ 60,000 บาท (ต่อบิดามารดา 1 คน)
11. ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ
ค่าฝากเลี้ยงเด็ก ลดหย่อนภาษีได้ 30,000 บาท (ต่อเด็ก 1 คน)
ค่าซื้ออุปกรณ์ช่วยเหลือคนพิการ ลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 60,000 บาท
ค่าเช่าที่อยู่อาศัย ลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 90,000 บาท
ค่าจ้างผู้ดูแลผู้สูงอายุ ลดหย่อนภาษีได้สูงสุดไม่เกิน 25,000 บาท
ซื้อคอร์สเรียนกับ IDM COUNCIL สามารถลดหย่อนภาษีได้ไหม
สำหรับบุคคลธรรมดาการซื้อคอร์สเรียนไม่สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้โดยตรง แต่สามารถนำมา “ลดหย่อนภาษีได้บางส่วน” ในโครงการช้อปดีมีคืน ซึ่งเป็นโครงการของกรมสรรพากร กระทรวงการคลัง โดยมีเงื่อนไขดังนี้
- คอร์สเรียนต้องเป็นคอร์สที่ซื้อขาด ไม่ใช่คอร์สรายเดือนหรือรายปี
- คอร์สเรียนต้องมีใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปแบบ ระบุรายการสินค้า/บริการ ราคา และจำนวนภาษีมูลค่าเพิ่ม
- ผู้ซื้อต้องจ่ายเงินผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ เช่น บัตรเครดิต บัตรเดบิต โอนเงินผ่านธนาคาร ฯลฯ
- วงเงินสูงสุดไม่เกิน 30,000 บาท (รวมกับค่าซื้อสินค้าและบริการอื่นๆ)
ตัวอย่าง
คุณสมชายซื้อคอร์สเรียนออนไลน์ราคา 10,000 บาท รวม vat 700 บาท คุณสมชายสามารถนำคอร์สเรียนนี้ไปลดหย่อนภาษีได้ 9,300 บาท (10,000 – 700) สำหรับนิติบุคคลที่ซื้อคอร์สเรียน สามารถหักลดหย่อนภาษี ได้ 2 เท่า ของค่าใช้จ่ายจริงสูงสุดไม่เกิน 200% ของเงินได้สุทธิ
เงื่อนไข
- คอร์สเรียนต้องเกี่ยวข้องกับธุรกิจ ของนิติบุคคล
- คอร์สเรียนต้องจัดโดยสถาบันการศึกษา หรือหน่วยงานที่ได้รับอนุญาต
- นิติบุคคลต้องมีใบกำกับภาษีแบบเต็มรูปแบบ
- พนักงานที่เข้าอบรมต้องทำงาน ให้กับนิติบุคคลหลังอบรมเสร็จ
ตัวอย่าง
บริษัท A ซื้อคอร์สเรียนให้พนักงาน 10 คน ราคาคอร์สละ 5,000 บาท รวมเป็น 50,000 บาท บริษัท A สามารถหักลดหย่อนภาษี ได้ 100,000 บาท (50,000 x 2)
ข้อจำกัดและเงื่อนไขการลดหย่อนภาษี
1. กรณีเสียชีวิต
– ทายาทต้องยื่นภาษีแทนผู้เสียชีวิตภายใน 180 วัน นับตั้งแต่วันตาย
2. กรณีล้มละลาย
– ผู้ล้มละลายต้องยื่นภาษีภายใน 90 วัน นับตั้งแต่วันที่มีคำสั่งพิทักษ์ทรัพย์เด็ดขาด
3. กรณีมีรายได้จากต่างประเทศ
– ผู้เสียภาษีต้องยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและภาษีธุรกิจเฉพาะ
4. กรณีมีการเปลี่ยนแปลงข้อมูล
– ผู้เสียภาษีต้องแจ้งเปลี่ยนแปลงข้อมูลต่อกรมสรรพากรภายใน 15 วัน
5. กรณีมีการยื่นภาษีผิดพลาด
– ผู้เสียภาษีสามารถยื่นภาษีแก้ไขได้ภายใน 5 ปี
6. กรณีมีการเลี่ยงภาษี
– ผู้เสียภาษีอาจถูกปรับและ/หรือดำเนินคดีอาญา
7. กรณีมีการยื่นภาษีล่าช้า
– ผู้เสียภาษีอาจถูกปรับ 0.5% ของภาษีที่ค้างชำระต่อเดือน
8. กรณีมีธุรกิจส่วนตัว
– ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด. 90/91)
– แนบเอกสารประกอบ เช่น งบดุล งบกำไรขาดทุน บัญชีรายชื่อลูกหนี้ บัญชีรายชื่อเจ้าหนี้
9. กรณีมีลูกจ้าง
– ต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้หัก ณ ที่จ่าย (ภ.ง.ด. 53)
– แนบเอกสารประกอบ เช่น สำเนาบัตรประชาชนของลูกจ้าง ใบรับเงินเดือน
10. กรณีมีภาระผูกพัน
– สามารถนำมาหักลดหย่อนภาษีได้ เช่น เบี้ยประกันชีวิต เบี้ยประกันสุขภาพ เงินบริจาค
– แนบเอกสารประกอบ เช่น ใบเสร็จรับเงิน/ใบกำกับภาษี หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย
11. กรณีต้องการขอคืนภาษี
– ยื่นแบบออนไลน์เท่านั้น
– ยื่นภายใน 2 ปี นับตั้งแต่วันสิ้นสุดปีภาษีต้องยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด. 90/91)
– แนบเอกสารประกอบ เช่น ใบเสร็จรับเงิน/ใบกำกับภาษี หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย
– ตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้อง
12. กรณีไม่ยื่นภาษี
– เสียค่าปรับ 1% ของจำนวนภาษีที่ต้องชำระ
– เสียเบี้ยปรับเพิ่ม 0.5% ของจำนวนภาษีที่ต้องชำระ
– ถูกระงับการขอคืนภาษี
– ถูกระงับการออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย
– ถูกดำเนินคดีอาญา
13. กรณียื่นภาษีล่าช้า
– เสียค่าปรับ 1.5% ต่อเดือน ของจำนวนภาษีที่ต้องชำระ
– เสียเบี้ยปรับเพิ่ม 0.5% ของจำนวนภาษีที่ต้องชำระ
– ถูกระงับการขอคืนภาษี
– ถูกระงับการออกหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย
14. กรณีมีเหตุผล
– สามารถขอผ่อนผันการยื่นภาษีได้
– เอกสารประกอบ เช่น ใบรับรองแพทย์ หลักฐานการเดินทาง
– ติดต่อสรรพากรพื้นที่เพื่อขอผ่อนผัน
15. กรณีต้องการแก้ไขข้อมูลการยื่นภาษี
– ยื่นแบบออนไลน์เท่านั้น
– ยื่นภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ยื่นภาษี
– เตรียมเอกสารให้ครบถ้วน
– ตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้อง
วิธีการยื่นขอลดหย่อนภาษี
1. เตรียมเอกสารให้พร้อม
ใบเสร็จรับเงิน/ใบกำกับภาษี
หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย (กรณีมี)
สำเนาบัตรประชาชน
สำเนาทะเบียนบ้าน
2. เลือกวิธีการยื่น
ยื่นแบบกระดาษ : ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่
ยื่นออนไลน์ : ผ่านเว็บไซต์กรมสรรพากร RD Smart Tax , Application Krungthai NEXT , Application เป๋าตัง, Application เว็บไซต์และแอปพลิเคชันของธนาคารที่ร่วมโครงการ
3. กรอกข้อมูลให้ครบถ้วน
ข้อมูลส่วนตัว
ข้อมูลรายได้
ข้อมูลค่าใช้จ่ายที่หักลดหย่อน
ข้อมูลการขอคืนภาษี (กรณีมี)
4. ตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้อง
ตรวจสอบชื่อ – นามสกุล , เลขประจำตัวประชาชน , ที่อยู่
ตรวจสอบจำนวนเงินรายได้
ตรวจสอบจำนวนเงินค่าใช้จ่ายที่หักลดหย่อน
ตรวจสอบจำนวนเงินภาษีที่ต้องชำระ หรือจำนวนเงินภาษีที่จะได้รับคืน
5. กดยืนยัน
ยื่นแบบกระดาษ : เจ้าหน้าที่จะตรวจสอบเอกสารและรับยื่นแบบ
ยื่นออนไลน์ : ระบบจะตรวจสอบข้อมูลและแจ้งผล
วันที่ยื่นภาษี
– ยื่นแบบปกติ ผ่านช่องทางต่าง ๆ ของกรมสรรพากรได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 31 มีนาคม 2567
– ยื่นแบบออนไลน์ ผ่านเว็บไซต์ RD Smart Tax ได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 9 เมษายน 2567
ช่องทางการยื่นภาษี
1. ยื่นภาษีแบบปกติ (ยื่นโดยใช้กระดาษ)
ยื่นแบบ ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่
ยื่นแบบผ่านตู้รับแบบภาษี ณ สำนักงานสรรพากรพื้นที่
ยื่นแบบผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิส
ยื่นแบบผ่านไปรษณีย์
2. ยื่นภาษีแบบออนไลน์
เว็บไซต์กรมสรรพากร
RD Smart Tax Application
Krungthai NEXT Application
แอพพลิเคชั่นเป๋าตัง Application
เว็บไซต์และแอปพลิเคชันของธนาคารที่ร่วมโครงการ
เอกสารที่ใช้ยื่นภาษี
– ใบเสร็จรับเงิน/ใบกำกับภาษี
– หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย
– สำเนาทะเบียนบ้าน
– สำเนาบัตรประชาชน
ยื่นภาษีไม่ทันควรทำอย่างไร
1. ยื่นภาษีย้อนหลัง
คุณสามารถยื่นภาษีย้อนหลังได้ภายใน 5 ปี โดยไม่ต้องเสียค่าปรับ
คุณต้องเตรียมเอกสารให้ครบถ้วน เช่น ใบเสร็จรับเงิน/ใบกำกับภาษี หนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่าย สำเนาบัตรประชาชน สำเนาทะเบียนบ้าน
คุณสามารถยื่นภาษีย้อนหลังได้ที่สำนักงานสรรพากรพื้นที่ หรือยื่นออนไลน์ผ่านเว็บไซต์กรมสรรพากร
2. ชำระภาษีที่ค้างชำระ
คุณต้องชำระภาษีที่ค้างชำระพร้อมดอกเบี้ย 1.5% ต่อเดือน
คุณสามารถชำระภาษีที่ค้างชำระได้ที่เคาน์เตอร์เซอร์วิสของธนาคารที่ร่วมโครงการ หรือชำระออนไลน์ผ่านเว็บไซต์กรมสรรพากร
3. ติดต่อสรรพากร
คุณควรติดต่อสรรพากรพื้นที่ เพื่อแจ้งสาเหตุที่ยื่นภาษีไม่ทัน
เจ้าหน้าที่จะแนะนำวิธีการยื่นภาษีย้อนหลังและชำระภาษีที่ค้างชำระ
4. เตรียมเอกสารให้พร้อม
เตรียมเอกสารให้ครบถ้วนก่อนไปยื่นภาษีย้อนหลัง
ตรวจสอบข้อมูลให้ถูกต้องก่อนกดยืนยัน
5. เก็บหลักฐานการลดหย่อนภาษี
เก็บหลักฐานการยื่นภาษีย้อนหลังไว้เป็นเวลา 5 ปี
สรุป
มาตรการลดหย่อนภาษีสำหรับนิติบุคคลช่วยส่งเสริมการลงทุนและการพัฒนาธุรกิจ ซึ่งมีผลต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจและการสร้างงาน การใช้มาตรการลดหย่อนภาษีอย่างเหมาะสมจะเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคเอกชนในการลงทุนและสร้างความเป็นเลิศในการแข่งขัน