รู้จัก Affiliate Marketing พร้อม 8 กลยุทธ์การตลาดที่น่าสนใจ
จะเป็นอย่างไรหากคุณสามารถทำเงินได้ตลอดเวลาจากทุกที่ทุกเวลา แม้ในขณะที่คุณหลับก็ยังสามารถทำเงินได้ ซึ่งปัจจุบันมีการทำการตลาดออนไลน์แบบนี้เป็นอย่างมากยกตัวอย่างเช่น Shopee , Lazada , TikTok เป็นต้น โดยการทำ Affiliate เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ใช้ในการกระตุ้นยอดขายและสร้างรายได้จากโลกออนไลน์ ซึ่งเป็นประโยชน์อย่างมากต่อแบรนด์และนักการตลาดในการผลักดันแบบใหม่เพื่อไปสู่กลยุทธ์ทางการตลาดที่ได้ผลตอบแทนอย่างแน่นอน ซึ่งในความเป็นจริงการใช้จ่ายด้านการตลาดแบบ Affiliate เพิ่มขึ้น นั่นหมายความว่ามีพื้นที่มากมายสำหรับผู้ที่ต้องการซื้อสินค้าและบริการ
Affiliate Marketing คืออะไร
Affiliate Marketing คือกระบวนการทำการตลาดออนไลน์รูปแบบหนึ่ง โดยเป็นการทำการตลาดในเว็บไซต์ของเราจากการโปรโมตผลิตภัณฑ์นั้น ซึ่งหากว่ามีคนกดสั่งซื้อสินค้าหรือบริการผ่านเว็บไซต์ เราก็จะได้รับส่วนแบ่ง (ค่าคอมมิชชั่น) จากการขายแต่ละครั้งที่ทำได้ โดยผู้ใช้งานท่านอื่นสามารถค้นหาสินค้าหรือบริการที่พวกเขาต้องการหรือชื่นชอบผ่านเว็บไซต์ของเรา
องค์ประกอบหลัก Affiliate Marketing
การตลาดพันธมิตร (Affiliate Marketing) เป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพในการเพิ่มยอดขายและสร้างการรับรู้ในตลาดใหม่ ความสำเร็จของการตลาดพันธมิตร ขึ้นอยู่กับความสามารถในการสร้างเนื้อหาน่าสนใจและการตลาดที่เป็นประโยชน์สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสม
- ผู้ให้บริการ (Merchant or Vendor) คือ บริษัทหรือธุรกิจที่เปิดโอกาสให้แบ่งปันผลิตภัณฑ์หรือบริการผ่าน Affiliate Marketing บริษัทเหล่านี้จะมีโปรแกรม Affiliate ในการรับสมัครผู้เข้าร่วมเป็น Affiliate เพื่อโปรโมตผลิตภัณฑ์ของพวกเขา
- พันธมิตร (Affiliate) คือ บุคคลหรือบริษัทที่เข้าร่วมโปรแกรม Affiliate Marketing เพื่อโปรโมตและส่งเสริมการขายผลิตภัณฑ์หรือบริการของผู้ให้บริการ พันธมิตรจะรับค่าคอมมิชชั่นหรือค่าตอบแทนเมื่อมีผู้ซื้อที่อ้างอิงหรือทำการซื้อผลิตภัณฑ์
- ลิงก์ Affiliate (Affiliate Link) เป็นลิงก์ที่เฉพาะเจาะจงสำหรับแต่ละ Affiliate ที่ถูกใช้ในการติดตามการอ้างอิงและการขายของผลิตภัณฑ์ ลิงก์นี้จะต้องมีรหัสที่แยกแยะได้เพื่อให้สามารถระบุ Affiliate ที่ส่งผู้ซื้อมายังเว็บไซต์ผู้ให้บริการ
- ติดตามและการวัดผล (Tracking and Analytics) เป็นระบบที่ผู้ให้บริการใช้ในการติดตามการอ้างอิงและการขายที่เกิดขึ้นจากลิงก์ Affiliate ระบบนี้ใช้คุกกี้หรือรหัสติดตามอื่นๆ เพื่อระบุหรือแยกแยะผู้ที่อ้างอิงและทำการซื้อผลิตภัณฑ์
- ระบบคอมมิชชั่น (Commission System) เป็นระบบที่ใช้ในการคำนวณและจ่ายค่าคอมมิชชั่นหรือค่าตอบแทนให้กับ Affiliate โดยพิจารณาจากยอดขายที่มีการอ้างอิงหรือทำการซื้อผลิตภัณฑ์
- เนื้อหาและการตลาด (Content and Marketing) Affiliate จะใช้เนื้อหาและกลยุทธ์การตลาดเพื่อโปรโมตผลิตภัณฑ์หรือบริการ นอกจากนี้ยังสามารถใช้สื่อต่างๆ เช่น เว็บไซต์, บล็อก, โซเชียลมีเดีย, อีเมลการ์ด, และโฆษณาจ่ายเงิน เพื่อเพิ่มโอกาสในการขาย
- การส่งเสริมการตลาดและความร่วมมือ (Promotion and Collaboration) บาง Affiliate อาจมีการร่วมมือกับผู้ให้บริการในการสร้างโปรโมชั่นพิเศษ เช่น ส่งเสื้อส่งของแถม หรือส่งเงินคืนให้กับลูกค้าที่อ้างอิงมายังผลิตภัณฑ์หรือบริการ
ข้อดี Affiliate Marketing
การตลาดพันธมิตรมีข้อดีหลายอย่างที่ทำให้เป็นที่นิยมและได้รับความสนใจจากผู้ที่ต้องการทำธุรกิจออนไลน์ ข้อดีที่สำคัญของ Affiliate Marketing
- ต้นทุนเริ่มต้นต่ำ
คุณสามารถเริ่มต้นการตลาดแบบ Affiliate ด้วยเงินเพียงเล็กน้อย สิ่งที่คุณต้องมีคือเว็บไซต์หรือสื่อโซเชียล และคุณสามารถเริ่มโปรโมตผลิตภัณฑ์หรือบริการได้ - Passive income
เมื่อคุณเริ่มต้นสร้างเนื้อหาหรือเอกสารทางการตลาดแล้ว คุณสามารถเริ่มสร้างรายได้แบบ Passive จากการตลาดแบบ Affiliate ซึ่งหมายความว่าคุณสามารถทำเงินได้แม้ว่าคุณจะไม่ได้โปรโมตผลิตภัณฑ์หรือบริการก็ตาม - ความยืดหยุ่น
คุณสามารถเลือกสินค้าและบริการที่คุณต้องการโปรโมตและคุณสามารถกำหนดเวลาของคุณเองได้ สิ่งนี้ทำให้การทำ Affiliate เป็นวิธีที่ดีในการสร้างรายได้หรือเสริมรายได้ให้กับคุณ - ไม่มีความเสี่ยงของสินค้า
ในฐานะนักการตลาดแบบ Affiliate คุณไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการเก็บบรรจุสินค้าจากคลังหรือการจัดส่งสินค้า เพียงแค่คุณโปรโมตสินค้าหรือบริการและหากมีคนซื้อ คุณก็จะได้รับค่าคอมมิชชั่น
ข้อจำกัด Affiliate Marketing
- การแข่งขันที่สูงในตลาดออนไลน์
มีการแข่งขันมากมายในการตลาดแบบ Affiliate ดังนั้นคุณจะต้องสร้างเนื้อหาหรือสื่อการตลาดที่มีความแตกต่างหรือโดดเด่นกว่าใคร - การติดตามผลลัพธ์
การติดตามผลลัพธ์ของแคมเปญการตลาดในเครือของคุณอาจเป็นเรื่องยาก คุณจะต้องใช้เครื่องมือวิเคราะห์เพื่อติดตามจำนวนคลิก การขาย และอื่นๆ ซึ่งหากคุณไม่มีพื้นฐานในด้านนี้ก็อาจเป็นเรื่องยากที่จะทำการตลาดในรูปแบบ Affiliate
วิธีการทำ Affiliate Marketing
การตลาดแบบพันธมิตรเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการสร้างรายได้ออนไลน์ เป็นรูปแบบรายได้ตามค่าคอมมิชชันที่คุณโปรโมตผลิตภัณฑ์หรือบริการของผู้อื่น และรับค่าคอมมิชชันสำหรับการขายหรือโอกาสในการขายแต่ละครั้งที่คุณสร้างขึ้นและนี่คือขั้นตอนในการทำ Affiliate Marketing
1. เลือกช่องทางหรือแพลตฟอร์มที่จะโปรโมตสินค้า
คุณต้องทำการเลือกช่องทางที่จะใช้ในการโปรโมตสินค้าหรือบริการ ซึ่งคุณจะต้องมีเว็บไซต์ บล็อก หรือโซเชียลมีเดีย และคุณจะต้องเลือกแพลตฟอร์มรวมไปถึงกลุ่มเป้าหมายที่จะใช้ในการโปรโมต
2. สร้างลิงก์ Affiliate
คุณจะต้องมีลิงก์ Affiliate เพื่อโปรโมตสินค้าและบริการของคุณที่ใดก็ได้ ยกตัวอย่างเช่น Affiliate link Shopee , Lazada Affiliate , TikTok Affiliate เป็นต้น โปรแกรมการทำ Affiliate ที่เกี่ยวข้อง มีโปรแกรม Affiliate ที่หลากหลายหลาย ดังนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่ต้องทำการวิเคราะห์และค้นหาโปรแกรมที่เหมาะกับกลุ่มเฉพาะและผู้ชมของคุณ มองหาโปรแกรมที่ให้ค่าคอมมิชชั่นสูง การติดตามที่ดีและสื่อส่งเสริมการขายที่หลากหลาย
3. สร้างเนื้อหาที่มีคุณภาพ
เนื้อหาของคุณคือสิ่งที่จะผลักดันการเข้าชมไปยังลิงค์ Affiliate ของคุณ ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเนื้อหาของคุณให้ข้อมูล มีส่วนร่วม และเกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมายของคุณ
4. สร้างฐานผู้ติดตาม
เมื่อคุณมีเนื้อหาที่มีคุณภาพแล้ว คุณต้องเริ่มสร้างผู้ติดตาม แบ่งปันเนื้อหาของคุณบนโซเชียลมีเดีย ส่งเนื้อหาถึงผู้ติดตามของคุณ และโพสต์รับเชิญผู้ชมในเว็บไซต์หรือบล็อกอื่นๆ ยิ่งคุณเข้าถึงผู้คนได้มากเท่าไหร่ คุณก็ยิ่งมีโอกาสที่จะขายได้มากขึ้นเท่านั้น คอนเทนต์เพิ่มยอดผู้ติดตาม
5. ติดตามผลลัพธ์ของคุณ
สิ่งสำคัญคือต้องติดตามผลลัพธ์ของคุณ เพื่อดูว่าอะไรที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีและอะไรที่ไม่ก่อให้เกิดผลลัพธ์ โดยใช้เครื่องมือติดตามเช่น Google Analytics เพื่อติดตามการเข้าชมเว็บไซต์ของคุณและการขาย Affiliate
6. เพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญ
เมื่อคุณมีข้อมูลแล้ว คุณสามารถเริ่มเพิ่มประสิทธิภาพแคมเปญของคุณได้ ทดลองกับเนื้อหาอื่นๆ วิธีการส่งเสริมการขาย และโปรแกรม Affiliate ต่างๆ เพื่อดูว่าอะไรกระตุ้นยอดขายได้มากที่สุด
การทำ Affiliate หรือการตลาดออนไลน์เป็นเกมระยะยาว ที่ต้องใช้ระยะเวลาและความพยายามในการสร้างธุรกิจการตลาดแบบ Affiliate ที่ประสบความสำเร็จ แต่ถ้าคุณมีควมพยายามและอดทน การสร้างรายได้จากการทำ Affiliate ก็ไม่ใช่เรื่องยากสำหรับคุณ
แซงคู่แข่งด้วย 8 กลยุทธ์การตลาดออนไลน์
1. Influencer Marketing
นี่คือกลยุทธ์ที่แบรนด์ส่วนใหญ่ใช้ในการทำการตลาดแบบ Affiliate กับผู้ที่มีอิทธิพลในโซเชียลมีเดีย เพื่อโปรโมตสินค้าหรือบริการของตนต่อผู้ติดตาม การตลาดออนไลน์ที่ใช้อินฟลูเอนเซอร์เป็นอีกวิธีที่ดีในการเข้าถึงผู้ชมจำนวนมากและสร้างความน่าเชื่อถือกับผู้ที่มีโอกาสเป็นลูกค้าของเรา
2. Live streaming
ไลฟ์สดเป็นเทรนด์ที่กำลังเติบโตและนิยมมากในปัจุบัน โดยแบรนด์จะทำการไลฟ์สดในการทำกิจกรรม การสาธิตผลิตภัณฑ์ หรือการถามตอบเพื่อเชื่อมต่อกับลูกค้าแบบเรียลไทม์ ไลฟ์สดเป็นวิธีที่การทำการตลาดออนไลน์ชาญฉลาดในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า
3. Virtual Reality (VR) และ Augmented Reality (AR)
เทคโนโลยีเหล่านี้กลายเป็นกระแสมากขึ้นและแบรนด์ดังต่างๆมีการนำ Virtual Reality (VR) และ Augmented Reality (AR) มาใช้มากขึ้น ซึ่งเริ่มใช้มันเพื่อสร้างประสบการณ์ทางการตลาดที่สมจริงมากขึ้น สามารถใช้เพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสกับความสมจริงกับผลิตภัณฑ์หรือบริการก่อนที่จะซื้อ หรือเพื่อสร้างประสบการณ์เชิงโต้ตอบที่ดึงดูดลูกค้าในระดับที่ลึกขึ้น
4. Personalized marketing
กลยุทธ์ที่แบรนด์ใช้ข้อมูลเพื่อส่งข้อความส่วนบุคคลให้กับลูกค้า การตลาดเฉพาะบุคคลเป็นวิธีที่ดีในการแสดงให้ลูกค้าเห็นว่าคุณเข้าใจความต้องการและความสนใจของพวกเขา และสามารถช่วยเพิ่มยอดขายและเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าได้
5. Content marketing
กลยุทธ์ที่แบรนด์สร้างและแบ่งปันเนื้อหาเพื่อกระตุ้นและดึงดูดลูกค้า การทำคอนเทนต์เป็นวิธีในการสร้างการรับรู้ถึงแบรนด์ สร้างโอกาสในการขายและเพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์ของคุณ
6. User-generated content (UGC)
กลยุทธ์ที่แบรนด์สนับสนุนให้ลูกค้าสร้างและแบ่งปันเนื้อหาเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการของตน UGC เป็นวิธีในการสร้างหลักฐานเพื่อความน่าเชื่อถือและแสดงให้ผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าเห็นว่าคนอื่นๆ กำลังใช้งานสินค้าหรือบริการของคุณอยู่ ซึ่ง UGC มีหลากหลายรูปแบบ ได้แก่
- Reviews : ผู้ใช้สามารถเขียนรีวิวสินค้าหรือบริการ เพื่อแชร์หรือแบ่งปันความคิดและประสบการณ์จากผู้ใช้งานจริงให้กับผู้อื่น
- Images : ผู้ใช้สามารถแบ่งปันรูปภาพหรือวิดีโอจากการใช้สินค้าและบริการ หรือแชร์ประสบการณ์การใช้งานโดยตรงผ่านรูปภาพหรือวิดีโอของพวกเขา
- Testimonials : โดยปกติแล้ว Testimonials จะถูกใช้เพื่อแสดงความพึงพอใจและประสบการณ์ที่ดีของลูกค้าหรือผู้ใช้บริการ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและน่าเชื่อถือให้กับผู้อื่นที่สนใจในการซื้อหรือใช้งานสินค้าหรือบริการนั้น ๆ
- Blog : ผู้ใช้สามารถเขียนบล็อกโพสต์เกี่ยวกับประสบการณ์ที่มีต่อสินค้าและบริการ โดยจะเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการนั้นๆ
- Social media : ผู้ใช้สามารถแชร์หรือแบ่งปันความคิดและประสบการณ์เกี่ยวกับสินค้าหรือบริการผ่านโซเชียลมีเดีย อย่างเช่น Facebook , Instagram , TikTok , Twitter เป็นต้น
7. Social commerce
กลยุทธ์ที่แบรนด์ขายสินค้าหรือบริการโดยตรงผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ซึ่งโซเชียลคอมเมิร์ซเป็นวิธีในการเข้าถึงผู้ชมจำนวนมากและทำให้ลูกค้าซื้อสินค้าหรือบริการของคุณได้ง่าย
8. Experiential marketing
กลยุทธ์ที่แบรนด์สร้างประสบการณ์ที่ช่วยให้ลูกค้าสามารถโต้ตอบกับผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณได้อย่างสมจริงยิ่งขึ้น การตลาดเชิงประสบการณ์เป็นวิธีที่ดีในการสร้างความประทับใจให้กับลูกค้าและทำให้พวกเขามีแนวโน้มที่จะจดจำแบรนด์ของคุณ