จากช่วงปีที่ผ่านมา จะเห็นได้ว่าเริ่มกลับมามีการเฉลิมฉลองเทศกาลต่าง ๆ กันมากขึ้น และภายในปี 2023 ที่กำลังจะถึงนี้ การทำ Digital Marketing ในช่วงเทศกาลต่าง ๆ จะกลับมาดุเดือดอีกครั้ง เหล่าแบรนด์จะเริ่มออกมาแข่งขันกันในด้านโปรโมชั่นตามช่วงเทศกาล และ Online to Offline Event หากกำลังวางแผนลง Budget เพื่อกระตุ้นยอดขายสินค้า ขอเตือนว่าอย่าลืมลงเงินไว้ตามช่วงเวลาที่มีเทศกาล เพราะมิเช่นนั้น ธุรกิจของคุณอาจต้องแพ้บาย พลาดโอกาสใหญ่ ในการสร้างเม็ดเงิน !

ในยุคที่อินเทอร์เน็ตเกือบจะกลายมาเป็นปัจจัยที่ 5 ในการใช้ชีวิต นอกจากคนบนสังคมออนไลน์จะเลือกแชร์เนื้อหาที่อยากส่งต่อในแวดวงเพื่อนแล้วนั้น จากการวิจัยยังพบว่า ผู้ใช้โซเชียลมีเดียกว่า 68% ยังเลือกแชร์คอนเทนต์ที่สื่อถึงภาพลักษณ์ของตนเองอีกด้วย ข้อมูลดังกล่าวที่ได้หยิบยกมาทำให้เห็นว่า ภาพลักษณ์ของแบรนด์กลายมาเป็นอีกหนึ่ง Digital Marketing Trend ที่เหล่านักการตลาดกำลังจับตามอง

อีกหนึ่ง Digital Marketing Trend ที่เกิดขึ้นในการทำ Marketing Plan ปี 2023 ก็คือ การจัดสรรงบไปในส่วนของการสร้างแบรนด์ที่มากขึ้น ซึ่งสาเหตุที่ทำให้ผู้บริหารระดับสูงเริ่มเห็นความสำคัญในส่วนของ Branding มาจากระดับความเข้าใจในการตลาดที่มากขึ้นในประเทศไทย โดยในปัจจุบันได้มีสถาบันสอนการตลาดออนไลน์เกิดขึ้นมากมาย ดังนั้นผู้เรียนจึงต้องเลือกสถาบันที่มีประสิทธิภาพ และน่าเชื่อถือ เพราะในระดับการทำงาน สิ่งสำคัญในการเข้าอบรมณ์คอร์สไม่ใช่เพียงแค่ความรู้เท่านั้น แต่ยังจะต้องมอบโอกาสทำงานให้ผู้เข้าเรียนได้อีกด้วย

แน่นอนว่าปัจจัยแรก ที่เราต้องนึกถึงในการเลือกซื้อสินค้าก็คือ “ฟีเจอร์ของสินค้า” ผลิตภัณฑ์นี้สามารถทำอะไรได้บ้าง คุณภาพเป็นอย่างไร แต่จาก 5WPR Consumer Culture Report 2022 ชี้ให้เห็นว่า คนกว่า 71% เคยค้นหาคุณธรรม และจริยธรรม ในการทำธุรกิจ ของสินค้าก่อนที่จะทำการตัดสินใจซื้อ จากสถิติดังกล่าวสามารถตีความได้ว่า ในปี 2023 ความรับผิดชอบต่อสังคมจะกลายมาเป็นอีกหนึ่ง Digital Marketing Trend สำคัญในการทำธุรกิจ

จาก Morning Consult Report ได้แสดงให้เห็นว่า ลูกค้ากว่า 90% จะเลือกอุดหนุนธุรกิจที่ดูแลพนักงานเป็นอย่างดี ซึ่งอีกหนึ่งนโยบายการดูแลพนักงานที่กำลังได้รับความนิยม คือการยอมรับความต่าง (Diversity) ทั้งในแง่ชาติพันธ์ุ เพศ และความสนใจ โดยกรณีตัวอย่างที่ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ก็คือบริษัทค่ายเกมยักษ์ใหญ่อย่าง Blizzard ที่ไม่ได้มีการจัดการเรื่องการล่วงละเมิดทางเพศอย่างเหมาะสม อีกทั้งยังมีประเด็นเรื่องการเหยียดเพศ และเลือกปฏิบัติอีกด้วย จากสถานการณ์ดังกล่าวที่เกิดขึ้น ทำให้ความน่าเชื่อถือของ Blizzard ลดลงเป็นอย่างมาก ผู้เล่นผู้หญิงบางส่วนยังทำการ Boycott ประกาศไม่สนับสนุนเกมจาก Blizzard หากยังไม่มีการจัดการเรื่องที่เกิดขึ้น

ใน Digital Marketing Trend ที่เหล่านักการตลาดหันมาใช้เครื่องมือในการทำการตลาด เหล่าลูกค้าก็ต้องการให้แบรนด์มอบสิ่งทำขึ้นมาพิเศษสำหรับพวกเขาเท่านั้นได้ แบรนด์ที่ได้เริ่มต้นจุดประกาย Digital Marketing Trend – Personalized Marketing ได้แก่ Nike บนเว็บไซต์ของ Nike จะมีเมนูออกแบบเอง ในเมนูดังกล่าวลูกค้าทุกคนจะสามารถเลือกสีและลาย สำหรับทุกส่วนบนรองเท้าได้อย่างมีอิสระ ทำให้รองเท้า Nike ที่พวกเขาจะได้รับ มีความแตกต่างจากคนอื่น ฟีเจอร์ดังกล่าวไม่เพียงแต่จะสร้าง Competitive Advantage ให้กับ Nike แต่ยังสร้างความประทับใจให้กับเหล่าลูกค้าได้อีกด้วย

นอกเหนือจาก Personalized Product แล้ว เหล่าโฆษณาหรือโปรโมชั่นก็ควรมีการปรับให้เข้ากับ Lifestyle ของผู้บริโภคเช่นกัน ยกตัวอย่างเช่น ค่ายมือถือหรือห้างสรรพสินค้า ที่ใช้ Location Tracking จากสัญญาณมือถือ เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการรอบบริเวณที่ลูกค้าอยู่ หรือแม้กระทั่งเกมชื่อดังอย่าง League of Legends (LOL) ที่ได้เก็บข้อมูลตัวละครที่เล่นบ่อย และเสนอโปรโมชั่นลดราคาเครื่องแต่งกายเฉพาะตัวละครที่ผู้เล่นเล่นเป็นประจำ ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวแม้จะต้องใช้ความพยายามในการ Utilize ข้อมูลใน Database เพิ่มขึ้น แต่ช่วยสร้างยอดขาย และสามารถซื้อใจลูกค้าได้เป็นอย่างดี

การทำได้อย่างเดียว ไม่เพียงพออีกต่อไป เหล่า Social Media Platform ยักษ์ใหญ่ อย่าง Facebook Instagram และ TikTok เริ่มผันตัวกลายเป็นช่องทางซื้อขายสินค้าออนไลน์ แม้ว่า Facebook จะตัดสินใจปิด Live Shopping Feature ไปเมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา แต่นักวิเคราะห์ทั้งหลายก็ยังคงคาดการณ์ถึงเทรนด์ในการซื้อสินค้าผ่านสื่อออนไลน์ที่จะเกิดขึ้นในปี 2023 สำหรับประเทศไทยในปัจจุบัน TikTok ได้ Launch ฟีเจอร์ TikTok Shop เพื่อให้เหล่าธุรกิจรายย่อย ได้ขายสินค้าตัวเองผ่านการถ่ายทอดสด โดยในการขายสินค้าผ่าน TikTok ไม่ใช่เพียงแค่การ CF (Confirm) ออเดอร์กันทั่วไปเหมือนช่องทางอื่น แต่ยังมีระบบการสั่งซื้อสินค้า การเก็บเงิน ใช้โค้ดส่วนลด และสต็อกสินค้าอย่างเต็มรูปแบบเหมือน E-commerce แพลตฟอร์มอื่น ๆ อีกด้วย

ข้อมูลจาก Hootsuite ได้กล่าวไว้ว่า การใช้เวลากว่า 90% ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ต เป็นการเยี่ยมชม Social Media และพูดคุยติดต่อกับเพื่อนฝูง และครอบครัว จากพฤติกรรมการใช้ดังกล่าว ทำให้ผู้ใช้บางส่วน โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่อย่าง Generation Z หันมาค้นหาข้อมูลของแบรนด์ผ่าน Social Media กันมากขึ้น ในทุก ๆ โซเชียลมีเดีย จะมีแถบเสิร์ช เพื่อหา Account ที่สนใจ ดังนั้นเหล่าบัญชีหรือเพจของแบรนด์ทั้งหลาย ควรจะมีการใส่ข้อมูลที่ตรงกับพฤติกรรมการเสิร์ชเอาไว้ เพื่อให้กลุ่มเป้าหมายสามารถพบเจอแบรนด์ของคุณได้จาก Social Search