เผยวิธีทำ Facebook Ads ลูกค้า Inbox เพิ่ม ยอดขายถล่ม
Facebook Ads ยังมีความสำคัญกับการใช้งานของกลุ่มธุรกิจมากมาย ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสให้ลูกค้าเห็น Content หรือตัวสินค้าของคุณ หากใครที่มีปัญหาในการคิดคอนเทนต์สามารถให้ ChatGPT ช่วยคิดคอนเทนต์ได้ หรือใครที่กำลังสงสัยว่าหากไม่มีปุ่มกดไลก์แล้วจะวัดคอนเทนต์นั่นจากอะไรได้บ้าง สามารถอ่านจากบทความนี้ Facebook Insight ตัวชี้วัดคุณภาพของคอนเทนต์นอกจาก Like มีอะไรบ้าง
แม้จะมีผู้ใช้รายใหม่ในแวดวงโซเชียลมีเดียอย่าง TikTok การทำโฆษณา Facebook ยังคงเป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับนักการตลาดส่วนใหญ่ นอกจากนี้ฐานผู้ใช้งานของแพลตฟอร์มบนเฟสบุ๊คยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องไม่แพ้ TikTok โดยหัวใจสำคัญของการทำโฆษณาเฟสบุ๊ค คือกำหนดวัตถุประสงค์ การวางแผนและการกำหนดกลุ่มเป้าหมายที่จะใช้ในการทำโฆษณา ทั้งหมดนี้คือเหตุผลสำคัญว่าทำไมคุณควรทำโฆษณาผ่านช่องทางเฟสบุ๊คมากกว่าช่องทางอื่น
Facebook Ads คืออะไร ?
โฆษณา Facebook หรือ Facebook Ads คือแพลตฟอร์มการโฆษณาทางออนไลน์ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดย Facebook ซึ่งช่วยให้ธุรกิจและองค์กรสามารถโฆษณาสินค้าหรือบริการไปยังกลุ่มเป้าหมายได้อย่างเข้าถึงและมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยสามารถแสดงโฆษณาบนแพลตฟอร์ม Facebook และ Instagram ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเครือข่ายของ Facebook โดยผู้ใช้สามารถเห็นโฆษณาเหล่านี้บนหน้าหลักของฟีดข่าว หรือในประเภทอื่น ๆ ของเนื้อหาที่พวกเขากำลังเรียกดูอยู่ แต่ละโฆษณาสามารถปรับเปลี่ยนตามกลุ่มเป้าหมายที่กำหนดไว้ ได้แก่ อายุ เพศ ความสนใจ สถานที่ และอื่น ๆ
ผู้ลงโฆษณาสามารถกำหนดงบประมาณโฆษณาเพื่อสนับสนุนแคมเปญของพวกเขา และกำหนดรูปแบบโฆษณาที่ต้องการ เช่น รูปภาพ วิดีโอ หรือสไลด์โชว์หลายรูป นอกจากนี้ ยังมีตัวเลือกในการเลือกประเภทการเรียกเก็บเงิน เช่น Pay-per-Click (PPC) หรือ Cost per Impression (CPM) เพื่อตรงกับวัตถุประสงค์ของแคมเปญ
ระบบวิเคราะห์ของ Facebook ยังช่วยให้ผู้ลงโฆษณาสามารถติดตามผลและปรับแต่งแคมเปญได้ จากการวิเคราะห์นี้คุณสามารถเรียนรู้ว่ากลุ่มเป้าหมายใดที่ตอบสนองมากที่สุด หรือปรับปรุงข้อความโฆษณาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพได้ในอนาคต
ทำไมต้องทำโฆษณา Facebook
การทำโฆษณาบน Facebook มีหลายเหตุผลที่ทำให้ธุรกิจหรือองค์กรต่าง ๆ ต้องการทำโฆษณาบนแพลตฟอร์มนี้ ดังนี้
- ธุรกิจของคุณสามารถเข้าถึงผู้ชมจำนวนมากได้
Facebook ถือเป็นหนึ่งใน “Big Four” ของโซเชียลมีเดีย ด้วยแพลตฟอร์มที่ดึงดูดผู้คนจำนวนมาก มันจึงคุ้มค่ากับการทำให้แบรนด์ของคุณเป็นที่รู้จักและมีโอกาสเพิ่มยอดขายรวมไปถึงปิดการขายได้มากขึ้น
- สามารถกรองผู้ที่เห็นโฆษณาของคุณได้
เมื่อสร้างโฆษณา คุณสามารถตั้งค่าพารามิเตอร์จากข้อมูลประชากร เช่น อายุ ความสนใจ และพฤติกรรมเพื่อเพิ่มโอกาสในการคลิกให้มากขึ้น Facebook สามารถจัดสรรค่าโฆษณาให้กับผู้ที่มีโอกาสเป็นลูกค้าของคุณได้อีกด้วย
- Facebook มีการวิเคราะห์โฆษณาในตัว
การติดตามประสิทธิภาพโฆษณาจะถูกบันทึกและพร้อมใช้งานแบบเรียลไทม์ คุณสามารถใช้เมตริกเหล่านี้ เพื่อทำความเข้าใจว่าอะไรได้ผลและวิธีปรับปรุงกลยุทธ์การโฆษณาของคุณสำหรับแคมเปญในอนาคต
โฆษณา Facebook มีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ?
การเลือกวัตถุประสงค์ที่เหมาะสมสำหรับแคมเปญของคุณเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยลดต้นทุนในการโฆษณา ราคาต่อหนึ่งคลิกโดยเฉลี่ยจะแตกต่างกันไปตามวัตถุประสงค์ของแคมเปญโฆษณาบน Facebook ที่แตกต่างกัน ตัวอย่างเช่น โดยเฉลี่ยแล้ววัตถุประสงค์ของแคมเปญการแสดงผลมีค่าใช้จ่าย 100฿ ต่อคลิกในขณะที่แคมเปญที่มีวัตถุประสงค์ของ Conversion มีค่าใช้จ่าย 30฿ ต่อคลิก
การตั้งวัตถุประสงค์ของแคมเปญที่ถูกต้องคือสิ่งสำคัญที่สุดที่คุณสามารถทำได้เพื่อควบคุมค่าโฆษณาบน Facebook เมื่อพูดถึงงบประมาณหรือค่าใช้จ่ายสำหรับโฆษณาเฟสบุ๊ค มักจะขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ได้แก่
- การกำหนดกลุ่มเป้าหมาย มักจะมีค่าใช้จ่ายสูงเมื่อคุณเลือกเลือกลุ่มเป้าหมายที่กว้าง แต่หากอยากให้ต้นทุนการโฆษณาที่ต่ำ คุณต้องกำหนดกลุ่มเป้าหมายให้แคบลงจากเดิม
- ตำแหน่งโฆษณา ค่าใช้จ่ายสามารถเปลี่ยนแปลงได้ระหว่างโฆษณาที่แสดงบน Facebook และ Instagram
- ระยะเวลาของแคมเปญ จำนวนวันและชั่วโมงที่แคมเปญมีผลกับต้นทุนสุดท้าย
- ความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรม บางอุตสาหกรรมมีการแข่งขันด้านพื้นที่โฆษณามากกว่าอุตสาหกรรมอื่นๆ ต้นทุนโฆษณามักจะเพิ่มขึ้นตามราคาสินค้าที่สูงขึ้นหรือมูลค่าของโอกาสในการขายที่คุณพยายามดึงดูดนั้นมีค่ามากเพียงใด
- ช่วงเวลาของปี ค่าโฆษณาอาจผันผวนตามฤดูกาล วันหยุด เทศกาลสำคัญ หรือเหตุการณ์เฉพาะอุตสาหกรรมอื่นๆ
- เวลาของวัน โดยเฉลี่ยแล้ว CPC จะต่ำที่สุดระหว่างเที่ยงคืนถึง 6 โมงเช้าในทุกเขตเวลา
- ที่ตั้ง ค่าโฆษณาเฉลี่ยต่อประเทศนั้นแตกต่างกันอย่างมาก
3 ทริค! ช่วยให้โฆษณามีประสิทธิภาพ
1. เลือกใช้คอนเทนต์ที่โดดเด่น น่าสนใจ
เพราะรูปภาพหรือวิดีโอเป็นด่านแรกที่ผู้ใช้งานจะเห็น หลังจากนั้นผู้ใช้งานจะหยุดดูหรืออ่านแคปชั่นต่อหรือไม่ ขึ้นอยู่กับ Content ว่าสามารถดึงดูดความสนใจได้มากน้อยแค่ไหน ดังนั้นคอนเทนต์ที่ใช้ทำโฆษณาจึงควรมีความแตกต่าง แปลกใหม่ และสื่อถึงอารมณ์ได้ดี
2. ศึกษาและเลือกลูกค้าให้ถูกกลุ่ม
ควรศึกษาและเข้าใจลูกค้าของเราให้ดีที่สุด ยิ่งละเอียดยิ่งดี ดูว่าลูกค้าเป็นใคร มีความสนใจอะไรบ้าง เพื่อให้ออกแบบโฆษณาได้ตอบโจทย์ลูกค้าของคุณ และเลือกกลุ่มเป้าหมายที่ไม่กว้างเกินไป เพื่อให้โฆษณานำส่งไปยังลูกค้าที่สนใจสินค้าหรือบริการจริงๆ ช่วยให้ปิดการขายได้ง่ายขึ้น
3. ไม่ควรปรับแก้โฆษณาบ่อยเกินไป
ควรปล่อยให้โฆษณารันไปก่อน 2-3 วัน เพราะถ้าเพิ่งเริ่มรันแล้วทำการปรับเปลี่ยนทันที บางทีโฆษณาอาจจะยังไม่นำส่งไปหากลุ่มเป้าหมาย หรือกลุ่มคนที่เป็นลูกค้าจริงๆอาจจะยังไม่เห็นโฆษณาของเรา ทำให้เสียโอกาสในส่วนนี้ไป