Customise Consent Preferences

We use cookies to help you navigate efficiently and perform certain functions. You will find detailed information about all cookies under each consent category below.

The cookies that are categorised as "Necessary" are stored on your browser as they are essential for enabling the basic functionalities of the site. ... 

Always Active

Necessary cookies are required to enable the basic features of this site, such as providing secure log-in or adjusting your consent preferences. These cookies do not store any personally identifiable data.

Functional cookies help perform certain functionalities like sharing the content of the website on social media platforms, collecting feedback, and other third-party features.

Analytical cookies are used to understand how visitors interact with the website. These cookies help provide information on metrics such as the number of visitors, bounce rate, traffic source, etc.

Performance cookies are used to understand and analyse the key performance indexes of the website which helps in delivering a better user experience for the visitors.

Advertisement cookies are used to provide visitors with customised advertisements based on the pages you visited previously and to analyse the effectiveness of the ad campaigns.

Rolls-Royce แบรนด์รถหรูที่ราคาสูง แต่ทำไมขายได้
Rolls-Royce แบรนด์รถหรูที่ราคาสูง แต่ทำไมขายได้

Rolls – Royce ราคาสูงแต่ทำไมขายได้

Rolls Royce แบรนด์รถหรูที่กำลังเป็นที่จับตามอง ว่ารถอะไรทำไมถึงราคาซ่อมสูงขนาดนั่น โดยเจ้ารถยี่ห้อนี้ เกิดจากผู้ผลิตที่ชื่อว่า Henry Royce ที่ต้องใช้เวลาสองทศวรรษในการสร้างสรรค์สิ่งประดิษฐ์ทางกลและไฟฟ้าทุกรูปแบบ ก่อนที่จะตัดสินใจมุ่งความสนใจไปที่รถยนต์ในปี 1904 วิศวกรชาวอังกฤษคนนี้ มีความเชื่อว่าเขาสามารถสร้าง Branding รถยนต์ที่ดีกว่ารถยนต์ในฝรั่งเศสได้ ต่อมาเขาได้ชักชวนเพื่อนของเขา (ชาร์ลส์โรลส์) เพื่อมาร่วมสร้างแบรนด์อันยิ่งใหญ่นี้ไปด้วยกัน ซึ่งทั้งคู่วางแผนการตลาดและใช้เวลาเพียงแค่สองปีเท่านั้น ก็สามารถร่วมมือกันเปิดตัว Rolls Royce ที่สร้างประวัติศาสตร์ในเรื่องของรถยนต์อันน่าทึ่งนี้ได้

ประวัติของ Rolls Royce

โรลส์-รอยซ์ได้กลายเป็นหนึ่งใน Branding ที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในแวดวงวิศวกรรมรถยนต์ไปทั่วโลก และนี่คือประวัติความเป็นมาตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทและนวัตกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปจนถึงช่วงเวลาสำคัญของโรลส์-รอยซ์ ซึ่งก่อนดูประวัติความเป็นมาของโรลส์-รอยซ์สามารถส่องเทรนด์การตลาดก่อนใครได้ที่ เทรนด์การตลาดมาแรง 2023

Rolls Royce
  • พ.ศ. 2427 : Henry Royce เริ่มต้นธุรกิจไฟฟ้าและเครื่องกล
  • พ.ศ. 2447 : Henry Royce สร้างรถยนต์ Royce 12 สูบคันแรกในโรงงานของเขาในแมนเชสเตอร์
    • Henry Royce ได้รับการแนะนำให้รู้จักกับ Charles Rolls ที่โรงแรม Midland
      ในแมนเชสเตอร์
    • Charles Rolls ตกลงที่จะรับรถทั้งหมดที่ Royce สามารถทำได้
    • ทั้งหมดจะมีตราสัญลักษณ์โรลส์-รอยซ์และจำหน่ายโดยโรลส์แต่เพียงผู้เดียว
  • พ.ศ. 2449 : ก่อตั้งบริษัท โรลส์-รอยซ์ จำกัด
    • Royce เริ่มพัฒนาโมเดล 6 สูบที่ได้รับการปรับปรุงใหม่
    • เปิดตัวโมเดล Silver Ghost ใหม่ ได้รับการยกย่องว่าเป็น “รถยนต์ที่ดีที่สุดในโลก”
  • พ.ศ. 2451 : การผลิตเริ่มต้นขึ้นที่โรงงานแห่งใหม่ในเมืองดาร์บี้ ประเทศอังกฤษ
  • พ.ศ. 2457 : โรลส์-รอยซ์ออกแบบเครื่องยนต์เครื่องบินสำหรับพันธมิตรในสงครามโลกครั้งที่ 1
  • พ.ศ. 2476 : โรลส์-รอยซ์ ทำลายสถิติความเร็วเครื่องบินด้วยความเร็ว 400 ไมล์
    ต่อชั่วโมง
  • พ.ศ. 2479 : โรลส์-รอยซ์เปิดตัว Phantom III ซึ่งเป็นรถยนต์รุ่นก่อนสงคราม
    ขนาดใหญ่รุ่นสุดท้าย
  • พ.ศ. 2483 : เครื่องยนต์ของโรลส์-รอยซ์ถูกใช้สำหรับเครื่องบินรบเฮอริเคนและ
    สปิตไฟร์ ทำให้กลายเป็นคู่แข่งในภาคส่วนขับเคลื่อนทางอากาศ
  • พ.ศ. 2494 : โรลส์-รอยซ์เริ่มผลิตเครื่องยนต์ดีเซล
  • พ.ศ. 2496 : โรลส์-รอยซ์เริ่มพัฒนาเครื่องบินพาณิชย์
  • พ.ศ. 2533 : โรลส์-รอยซ์และบีเอ็มดับเบิลยูจับมือรวมกิจการกัน
  • พ.ศ. 2547 : ฉลองครบรอบ 100 ปี!
  • พ.ศ. 2552 : โรลส์-รอยซ์ Ghost เปิดตัวที่งานแฟรงค์เฟิร์ต มอเตอร์โชว์ ปี 2009
  • พ.ศ. 2557 : โรลส์-รอยซ์ Wraith เปิดตัวครั้งแรกในฐานะรถยนต์สองประตูที่นำเอาเอกลักษณ์ของ Ghost ที่เป็นเอกลักษณ์มาใช้ใหม่
  • พ.ศ. 2562 : โรลส์-รอยซ์ SUV คันแรกออกสู่ตลาด

ผู้ลงโฆษณาสามารถกำหนดงบประมาณโฆษณาเพื่อสนับสนุนแคมเปญของพวกเขา และกำหนดรูปแบบโฆษณาที่ต้องการ เช่น รูปภาพ วิดีโอ หรือสไลด์โชว์หลายรูป นอกจากนี้ ยังมีตัวเลือกในการเลือกประเภทการเรียกเก็บเงิน เช่น Pay-per-Click (PPC) หรือ Cost per Impression (CPM) เพื่อตรงกับวัตถุประสงค์ของแคมเปญ

ระบบวิเคราะห์ของ Facebook ยังช่วยให้ผู้ลงโฆษณาสามารถติดตามผลและปรับแต่งแคมเปญได้ จากการวิเคราะห์นี้คุณสามารถเรียนรู้ว่ากลุ่มเป้าหมายใดที่ตอบสนองมากที่สุด หรือปรับปรุงข้อความโฆษณาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพได้ในอนาคต

ทำไม Rolls Royce จึงราคาสูง ?

Rolls Royce

1. ปัจจัยที่แพงที่สุดคือ “สี”

โรลส์-รอยซ์มีตัวเลือกสีต่างๆ ให้คุณได้เลือกมากกว่า 44,000 สี และมีเฉดสีต่างๆ ให้เลือกมากมายจนกว่าจะได้สีที่คุณต้องการ การทาสีภายนอกรถจะทำให้รถของคุณมีความหรูหราขึ้นอีกระดับ หลังจากที่คุณเลือกสีแล้ว สีนั้นจะถูกตั้งชื่อตามคุณ ซึ่งแผนการตลาดนี้ทำให้คุณรู้สึกเป็นคนพิเศษขึ้นมาในทันที และในอนาคตมีผู้อื่นที่ต้องการสีเดียวกันกับของคุณ เขาจะต้องขออนุญาตคุณก่อน

กระบวนการพ่นสีประกอบด้วย 22 ขั้นตอน และพ่นสีบนตัวถังของโรลส์รอยซ์รวม 45 กิโลกรัม ขั้นตอนการพ่นสีนี้ใช้เวลาเกือบ 10 สัปดาห์ เนื่องจากแบรนด์โรลส์รอยซ์ชอบใช้ทรัพยากรมนุษย์มากกว่าการใช้หุ่นยนต์ระบบเอไอ เพราะเขาเชื่อว่ามนุษย์มีความละเอียดมากกว่าหุ่นยนต์ ในขณะที่บริษัทอื่นๆใช้เทคโนโลยีในการสร้างรถยนต์ขึ้นมา ซึ่งหุ่นยนต์จะทาสีชั้นสุดท้ายของรถเท่านั้น นอกจากขั้นตอนการลงสีแล้ว ยังใช้เวลามากกว่า 5 ชั่วโมงในการขัดเงาอีกด้วย

2. รายละเอียดล้อรถยนต์

หากคุณเคยสังเกตโรลส์-รอยซ์ คุณจะเห็นว่าล้อและโลโก้ที่อยู่ตรงกลางจะกลับด้านอยู่เสมอ ไม่ว่าคุณจะจอดรถในทิศทางใดก็ตาม ล้อก็จะหมุนตัวในแนวตรงขึ้น ด้วยรายละเอียดเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ จึงทำให้แบรนด์โรลส์-รอยซ์เป็นที่นิยมไปทั่วโลก

3. ภายในรถยนต์มีความเงียบ

ภายในรถของโรลส์-รอยซ์มีความเงียบมาก เนื่องจากเทคโนโลยีและวัสดุที่ใช้สามารถดูดซับเสียงได้ ซึ่งมีน้ำหนักถึง 220 ปอนด์ ถูกติดตั้งลงบนหลังคา ท้ายรถ และพื้นของรถ โดยผลลัพธ์ที่ได้คือการขับขี่ที่เงียบ และนั่นเป็นอีกสาเหตุที่ทำให้ผู้คนชื่นชอบรถยนต์แบรนด์นี้ 

4. เอกลักษณ์ในการปัก

การปักที่เป็นเอกลักษณ์บนเบาะของรถก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้โรลส์-รอยซ์มีราคาแพง ซึ่งการปักบนเบาะนี้เป็นทางเลือกของลูกค้า โดยสามารถเลือกให้ปักหรือไม่ปักก็ได้ ซึ่งถือว่าเป็นแผนการตลาดที่สำคัญอย่างหนึ่งในการสร้าง Branding ของโรลส์-รอยซ์

5. การปรับแต่งของ Bespoke

จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของโรลส์-รอยซ์ คือ Bespoke ที่สามารถปรับแต่งได้หลากหลายตามความต้องการของลูกค้า ซึ่งลูกค้าบางรายต้องการวัสดุบางส่วนที่มีราคาแพง และบางรายต้องการติดเพชรและทองบนแดชบอร์ด สิ่งสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้ Rolls Royce ราคาสูง คือการคัดสรรวัสดุที่พรีเมียมในการนำมาปรับแต่งรถให้เข้ากับลูกค้าหรือความต้องการของลูกค้านั้นๆ

แผนการตลาดของ Rolls Royce

Rolls Royce

1. การแบ่งส่วนตลาด

โรลส์-รอยซ์ ได้แบ่งกลุ่มตลาดตามเกณฑ์ประชากร เช่น เพศ อายุ รายได้ และเชื้อชาติ ลูกค้าจะมีความแตกต่างตามรูปแบบการซื้อ เช่น ความถี่ในการใช้งาน ประโยชน์ที่แสวงหา บริบทการใช้งาน และความภักดีต่อแบรนด์ เป็นต้น

2. การกำหนดเป้าหมาย

โรลส์-รอยซ์ เป็นสัญลักษณ์แห่งการแสดงสถานะและชนชั้นสูงที่มีมาอย่างยาวนาน เป็นรถยนต์ที่ได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มผู้มั่งคั่งและมีชื่อเสียง โรลส์-รอยซ์ ให้ความสำคัญกับกลุ่มมหาเศรษฐีที่มีฐานะเป็นราชวงศ์ มั่งคั่ง หรือมีชื่อเสียง และผู้ที่ต้องการรถยนต์ที่มีความหรูหรา รวดเร็ว และเงียบสงบ 

3. การประเมินและจัดวางธุรกิจ

โรลส์-รอยซ์ ดำเนินการดังกล่าวเพื่อแยกแยะและจัดตำแหน่งสินค้าของตน โรลส์-รอยซ์เป็นสัญลักษณ์ของความสง่างาม ความหรูหรา และความภาคภูมิใจ โดยเป็นที่รู้จักจากการที่มนุษย์ทำด้วยมือและเสร็จสิ้นด้วยมือ

การผสมผสานแผนการตลาดของ Rolls Royce

Rolls Royce

1. การวางกลยุทธ์ของโรลส์-รอยซ์

โรลส์-รอยซ์เป็นรถยนต์ที่น่าพึงพอใจซึ่งมีสถานที่ผลิตและกิจกรรมมากกว่า 150 แห่งใน 50 ประเทศทั่วโลก ตัวเลขยอดขายสูงสุดอยู่ในตะวันออกกลาง สหราชอาณาจักร และภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

เพื่อให้แน่ใจว่ารถยนต์จะเข้าถึงลูกค้าได้อย่างรวดเร็วและไม่ล่าช้า บริษัทจึงใช้ประโยชน์จากบริการของบริษัทแม่ (บีเอ็มดับเบิลยู) ซึ่งมีเครือข่ายการจัดจำหน่ายที่สูงและเป็นที่นิยมของตนเอง และรวมถึงบริการตัวแทนจำหน่ายด้วย

2. กลยุทธ์ราคาของโรลส์-รอยซ์

โรลส์-รอยซ์ เป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงและมีมูลค่าแบรนด์ที่ไม่มีใครเทียบได้ โดยมุ่งเป้าไปที่คนรวยและชนชั้นสูงด้วยรถยนต์ระดับพรีเมียม บริษัทได้กำหนดกลยุทธ์การกำหนดราคาแบบพรีเมี่ยมสูงสำหรับสินค้าทั้งหมดของบริษัท เนื่องจากสินค้าทั้งหมดอยู่ในตลาดที่มีความหรูหราสูง

แผนการตลาดของโรลส์-รอยซ์ คือดึงดูดคนที่มีฐานะ รักษาชื่อเสียง และสถานะของตนเอง ซึ่งโรลส์-รอยซ์ใช้วัสดุที่พรีเมียมในการสร้างที่นั่งผู้ขับ ห้องโดยสารหลังรถ  ล้อรถ  Bespoker โดยแต่ละส่วนที่ประกอบขึ้นมาทั้งหมดนี้ถือว่าคุ้มค่ากับการจ่ายเงินให้ได้รถคันหนึ่งไป โดยผู้ที่มีรถยนต์โรลส์-รอยซ์ครอบครอง ถือว่าเป็นผู้ที่มีเงินเหลือกินเหลือใช้ 

3. กลยุทธ์การส่งเสริมโรลส์-รอยซ์

โรลส์-รอยซ์ ได้สร้างชื่อเสียงให้กับตนเองในฐานะแบรนด์หรูที่ได้รับการยอมรับระดับโลกนับตั้งแต่ก่อตั้ง ประสบความสำเร็จในการสร้างมูลค่าแบรนด์ในอุดมคติที่แข็งแกร่งในใจของผู้บริโภค

แผนการตลาดประกอบด้วยการจัดแสดงในงานที่มีชื่อเสียง โรงแรมราคาแพง และงานแสดงรถยนต์สุดพิเศษ โรลส์-รอยซ์ให้ความสำคัญกับตลาดเฉพาะกลุ่ม และบริษัทอาศัยการโฆษณาแบบปากต่อปาก ซึ่งกลายมาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์และตัวแทนการตลาดของบริษัทโดยไม่รู้ตัว

ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ Rolls Royce

Rolls Royce
  1. บริษัทสัญชาติอังกฤษได้สร้างรถยนต์ที่ดีที่สุดซึ่งมีชื่อว่า โรลส์-รอยซ์ Wraith ซึ่งให้กำลังแรงม้าที่มหาศาลถึง 624 แรงม้าด้วยเครื่องยนต์ V12 ขนาด 6.6 ลิตร ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแบรนด์นี้ก้าวมาไกลในฐานะรถยนต์คันแรกที่ Rolls เปิดตัว ผลิตได้เพียง 10 แรงม้า
  2. รถยนต์หลายคันใช้วัสดุราคาไม่แพงสำหรับเบาะ เช่น พลาสติกและหนังราคาถูก แต่พวกเขาไม่เคยให้ความสำคัญกับการตกแต่งภายในอย่างจริงจัง ในทางกลับกันโรลส์-รอยซ์ใช้หนังที่คัดสรรมาอย่างดีจากวัวกระทิงที่ไม่มีตำหนิใดๆ
  3. ใช้เวลาประมาณ 17 วันในการสร้างห้องโดยสารของโรลส์-รอยซ์ให้เสร็จ และต้องใช้หนังจากวัวกระทิงประมาณ 11 ตัวสำหรับเบาะที่มีความหรูหรา
  4. Rolls Royce ทุกรุ่นตั้งชื่อตามจิตวิญญาณ เช่น รุ่งอรุณ, Wraith, Phantom, Ghost และ Cullinan

Rolls Royce ราคาไทยในแต่ละรุ่น

Rolls Royce

Rolls-Royce Wraith ราคาเริ่มต้นที่ 30 ล้านบาท 

Rolls Royce

Rolls-Royce Culinan ราคาเริ่มต้นที่ 33 ล้านบาท

Rolls Royce

Rolls-Royce Dawn ราคาเริ่มต้นที่ 36 ล้านบาท

Rolls Royce

Rolls-Royce Ghost ราคาเริ่มต้นที่ 37 ล้านบาท

Rolls Royce

Rolls-Royce Phantom ราคาเริ่มต้นที่ 53 ล้านบาท

สรุป

สาเหตุที่ทำให้ Rolls Royce ราคาสูงแต่ยังสามารถขายได้ คือวางแผนการตลาดและเลือกเจาะกลุ่มเฉพาะที่มีกำลังในการซื้อแบรนด์ Rolls Royce ซึ่งส่วนสำคัญคือการสร้าง Branding ให้น่าจดจำและทำให้ลูกค้ามีประสบการณ์ที่ดีในการใช้งาน ดังนั้นการจะทำให้ลูกค้าประทับใจและนำไปพูดต่อได้ก็คือ การเลือกคัดสรรวัสดุที่มีคุณภาพและสร้างคุณค่าของแบรนด์ให้ได้นั่นเอง