กระแสมาแรง! Shot Video ขนาดและอัตราส่วนที่ใช่ ของแพลตฟอร์มยอดฮิต
เคยสงสัยกันไหมว่าทำไมบางคอนเทนต์ของ Shot Video หรือ วีดีโอสั้นถึงได้รับความนิยมมากกว่าวิดีที่ยาว คำตอบอาจไม่ได้อยู่ที่เนื้อหาหรือคอนเทนต์เพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงขนาดและอัตราส่วนของวิดีโอด้วย! ซึ่งมันส่งผลต่อ Engagement การมีส่วนร่วม คอมเมนต์ ไลก์ แชร์ รวมถึงประสบการณ์ของผู้ใช้งานในแพลตฟอร์มนั้น ๆ วิดีโอที่มีเนื้อหาสั้น กระชับและน่าสนใจ ทำให้แบรนด์สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว วันนี้เราจะพาไปทัวร์ให้ทุกคนได้รู้ว่า Video Marketing คืออะไร และอัตราส่วนของแพลตฟอร์มยอดฮิตอย่าง Facebook , Instagram , TikTok และ Youtube ขนาดมาตรฐานที่ใช้งานจริงคือเท่าไหร่ รวมถึงเทรนด์ที่น่าจับตามองมากที่สุดในอนาคต! ทุกคนจะได้นำไปปรับใช้ในการสร้างแบรนด์ให้ประสบความสำเร็จและทำให้ยอด Engagement พุ่งทะลุเป้ากันไปเลย!
Video Marketing คือ กลยุทธ์ทางการตลาดที่ใช้วิดีโอเพื่อทำการตลาดและโปรโมทสินค้าหรือบริการของแบรนด์ โดยมีเป้าหมายหลักในการดึงดูดความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย สร้างการรับรู้แบรนด์ เพิ่มความสนใจ และกระตุ้นให้เกิดการกระทำบางอย่างที่ต้องการ เช่น การซื้อสินค้า การลงทะเบียน หรือการแชร์วิดีโอ ถ้าการเล่าเรื่องด้วยภาพคือสิ่งที่ทำให้ผู้ใช้งานได้เสพความรู้และเห็นภาพที่ชัดเจน แต่ในทางกลับกันวิดีโอทำได้มากกว่านั้นหลายเท่าตัว ไม่ว่าจะเป็นการเล่าเรื่องแทรกวิดีโอให้เห็นภาพที่ชัดเจน ความรู้สึกจากผู้พูดที่ส่งต่อถึงผู้รับ การทำการตลาดด้วยวิดีโอก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์ที่แบรนด์ยักษ์ใหญ่หลายแบรนด์นิยมใช้กัน
ทำไมการเลือกขนาดและอัตราส่วนถึงสำคัญ 1. การเพิ่มการเข้าถึง การใช้ขนาดและอัตราส่วนที่ถูกต้องช่วยให้วิดีโอน่าดูและดึงดูดความสนใจจากผู้ชม การที่วิดีโอไม่ถูกครอบตัดหรือยืดผิดอัตราส่วนช่วยให้ผู้ชมได้รับประสบการณ์ที่ดีขึ้น และทำให้ผู้ชมเพลิดเพลินไปกับคอนเทนต์ที่แบรนด์นำเสนอ 2. ประสบการณ์การใช้งานที่ดี วิดีโอที่มีขนาดและอัตราส่วนที่เหมาะสมจะให้ประสบการณ์การรับชมที่ดีที่สุด และวิดีโอมีความคมชัดและดูดีจะช่วยสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับแบรนด์ได้ด้วย3. เพิ่มโอกาสในการแชร์ วิดีโอที่มีความละเอียดและอัตราส่วนที่ถูกต้องจะมีโอกาสในการถูกแชร์มากขึ้น เนื่องจากผู้ชมรู้สึกประทับใจและต้องการแบ่งปันกับเพื่อน การแชร์เพิ่มขึ้นจะทำให้แบรนด์มีการเข้าถึงที่มากขึ้นตามไปด้วย รวมไปถึงเพิ่มเปอร์เซ็นต์ในการไวรัลของคอนเทนต์นั้นด้วย
ขนาดและอัตราส่วนบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ
Facebook Feed ขนาดที่แนะนำ: 1280 x 720 พิกเซล (16:9) ขนาดขั้นต่ำ: 600 x 315 พิกเซล ขนาดสูงสุด: 1080 x 1080 พิกเซล (1:1) อัตราส่วน: 16:9 , 1:1 Facebook Stories ขนาดที่แนะนำ: 1080 x 1920 พิกเซล (9:16) ขนาดขั้นต่ำ: 600 x 1067 พิกเซล อัตราส่วน: 9:16Facebook Watch ขนาดที่แนะนำ: 1280 x 720 พิกเซล (16:9) ขนาดขั้นต่ำ: 600 x 315 พิกเซล อัตราส่วน: 16:9 , 1:1
Instagram Feed ขนาดที่แนะนำ: 1080 x 1080 พิกเซล (1:1) อัตราส่วน: 1:1 , 4:5 , 1.91:1 Instagram Stories ขนาดที่แนะนำ: 1080 x 1920 พิกเซล (9:16) ขนาดขั้นต่ำ: 600 x 1067 พิกเซล อัตราส่วน: 9:16 Instagram Reels ขนาดที่แนะนำ: 1080 x 1920 พิกเซล (9:16) ขนาดขั้นต่ำ: 600 x 1067 พิกเซล อัตราส่วน: 9:16
TikTok Feed ขนาดที่แนะนำ: 1080 x 1920 พิกเซล (9:16) ขนาดขั้นต่ำ: 720 x 1280 พิกเซล อัตราส่วน: 9:16
YouTube Feed ขนาดที่แนะนำ: 1280 x 720 พิกเซล (16:9) ขนาดขั้นต่ำ: 640 x 360 พิกเซล อัตราส่วน: 16:9Short Youtube ขนาดที่แนะนำ: 1080 x 1920 พิกเซล (9:16) ขนาดขั้นต่ำ: 720 x 1280 พิกเซล อัตราส่วน: 9:16
เทรนด์ Shot Video ที่น่าจับตามอง วิดีโอสั้นกำลังกลายเป็นกระแสที่มาแรงและเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ ที่สำคัญของการตลาดดิจิทัลในหลาย ๆ แบรนด์ เนื่องจากสามารถดึงดูดความสนใจของผู้ชมได้เป็นเวลานาน ทำให้ผู้รับชมได้รับสารจากแบรนด์ได้มากขึ้น เรามาดูเทรนด์ที่น่าจับตามองในอนาคตกันว่าจะไปในทิศทางไหน เพื่อช่วยให้ทุกคนได้ปรับตัวและใช้กลยุทธ์การตลาดหมัดใจกลุ่มเป้าหมายได้อย่างทันท้วงที! 1. การใช้ AI ในการสร้างวิดีโอ (AI-Generated Videos) การใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการสร้างและแก้ไขวิดีโอกำ เอไอสามารถช่วยให้การตัดต่อ การสร้างเอฟเฟกต์ และการปรับปรุงคุณภาพของวิดีโอเป็นเรื่องง่ายขึ้น และยังสามารถวิเคราะห์ข้อมูลเพื่อปรับปรุงเนื้อหาให้ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น2. วิดีโอแบบโต้ตอบ (Interactive Videos) วิดีโอแบบโต้ตอบที่ผู้ชมสามารถเลือกเส้นทางหรือเนื้อหาที่ต้องการดูได้กำลังเป็นที่นิยมมากขึ้น การใช้วิดีโอแบบนี้จะช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้ชม และทำให้เนื้อหามีความน่าสนใจและเป็นส่วนตัวมากขึ้น3. วิดีโอแบบอัตโนมัติ (Automated Video Creation) เทคโนโลยีการสร้างวิดีโอแบบอัตโนมัติช่วยให้การผลิตวิดีโอเป็นเรื่องง่ายและรวดเร็วขึ้น โดยการใช้ซอฟต์แวร์หรือแพลตฟอร์มที่สามารถสร้างวิดีโอจากข้อมูลหรือเนื้อหาที่มีอยู่แล้ว เช่น การสร้างวิดีโอจากบล็อกโพสต์หรือภาพถ่าย4. วิดีโอแบบสั้นพิเศษ (Micro-videos) วิดีโอที่มีความยาวไม่เกิน 10-15 วินาทีกำลังเป็นที่นิยม เนื่องจากสามารถดึงดูดความสนใจของผู้ชมได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ วิดีโอแบบนี้มักใช้ในการโฆษณาบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น TikTok และ Instagram Reels5. การใช้ VR และ AR ในวิดีโอ (Virtual Reality and Augmented Reality) การใช้เทคโนโลยีเสมือนจริง (VR) และเสริมความเป็นจริง (AR) ในวิดีโอจะช่วยสร้างประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นและน่าสนใจมากขึ้น ผู้ชมสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับวิดีโอในแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน เช่น การทดลองใช้สินค้าผ่าน AR หรือการชมสถานที่เสมือนจริงผ่าน VR6. วิดีโอที่มีการเล่าเรื่องราวเชิงลึก (Deep Storytelling) การเล่าเรื่องที่มีความลึกซึ้งและมีความหมายจะเป็นที่ต้องการมากขึ้นในอนาคต วิดีโอที่สามารถสร้างความเชื่อมโยงทางอารมณ์กับผู้ชมและเล่าเรื่องราวที่เป็นแรงบันดาลใจจะเป็นผลดีต่อแบรนด์และสามารถสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับผู้ชม7. การใช้เสียงและดนตรีที่มีความหมาย (Meaningful Sound and Music) การเลือกใช้เสียงและดนตรีให้สอดคล้องกับเนื้อหาจะมีบทบาทสำคัญต่อผู้รับชมมากขึ้น ดนตรีและเสียงสามารถสร้างบรรยากาศและอารมณ์ที่เหมาะสมกับเนื้อหา ทำให้วิดีโอมีความน่าสนใจและดึงดูดมากขึ้น8. การวิเคราะห์และปรับปรุงโดยใช้ข้อมูล (Data-Driven Optimization) การใช้ข้อมูลและการวิเคราะห์เพื่อปรับปรุงเนื้อหาวิดีโอจะเป็นเทรนด์ที่สำคัญในอนาคต การวิเคราะห์ข้อมูลจากผู้ชมและการมีส่วนร่วมจะช่วยให้ผู้สร้างสามารถปรับเนื้อหาให้ตรงกับความต้องการและพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมายได้ตรงมากขึ้น9. การใช้วิดีโอเพื่อการศึกษา (Educational Videos) วิดีโอที่ให้ความรู้และข้อมูลจะยังคงมีความสำคัญในอนาคต การสร้างวิดีโอที่เน้นการให้ความรู้ เช่น วิดีโอการเรียนการสอน การให้คำแนะนำ หรือการอธิบายแนวคิดที่ซับซ้อนจะมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้ผู้ชมเข้าใจเนื้อหาและเรียนรู้ได้อย่างรวดเร็ว10. การใช้วิดีโอในทุกแพลตฟอร์ม (Omni-Platform Video Strategy) การใช้วิดีโอในทุกแพลตฟอร์มสื่อสารออนไลน์เป็นสิ่งที่จำเป็นมากขึ้น การสร้างวิดีโอที่สามารถใช้งานได้ในหลายแพลตฟอร์ม เช่น YouTube Shots , Facebook , Instagram และ TikTok จะช่วยให้เนื้อหาของคุณเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้กว้างและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
หากคุณอยากมีความรู้และเป็นมืออาชีพด้านการตลาดออนไลน์ IDM Council ได้เปิดคอร์สเรียนการตลาดออนไลน์ สอนโดยอาจารย์ที่ได้การรับรองมาตรฐานความรู้จากสถาบันระดับโลก มีประสบการณ์ตรง คอร์สเดียวจบ ครบทุกทักษะ ทางลัดสู่นักการตลาดมืออาชีพ
อีกหนึ่งคอร์สที่สำหรับผู้ที่อยาก Growth Mindset คือ คอร์สเรียนวางกลยุทธ์การตลาดและการบริหาร คอร์สนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเติบโตและมีมุมมองเดียวกันกับเจ้าของธุรกิจ เรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญที่ได้รับการรับรองและมีประสบการณ์ตรง วางกลยุทธ์สร้างจุดเปลี่ยน สู่จุดยืนในโลกธุรกิจ
การสร้าง Shot Video หรือ วิดีโอสั้น ให้มี Engagement ที่ดีนั้น ไม่ใช่แค่เรื่องของคอนเทนต์เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการเลือกขนาดและอัตราส่วนให้เหมาะสมในแต่ละแพลตฟอร์ม ซึ่งจะทำให้ผู้ใช้งานมีประสบการณ์ที่ดีและเพลิดเพลินกับคอนเทนต์ที่แบรนด์สร้างด้วย