เลือกใช้ Google Ads ยังไง? ให้ถูกกับธุรกิจ
Google Ads หรือ Google Adwords คือ เครื่องมือโฆษณาบนโลกออนไลน์บนเครือข่ายของ Google การโฆษณา Google มีความสำคัญต่อธุรกิจเป็นอย่างมาก เพราะมันสามารถช่วยให้ธุรกิจบรรลุวัตถุประสงค์ทางการตลาดได้ไม่ว่าจะเป็นสร้างการรับรู้ ที่จะช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีความสนใจในสินค้าหรือบริการของคุณได้อย่างรวดเร็ว หรือแม้แต่สร้างการมีส่วนร่วม ที่จะช่วยให้ธุรกิจสามารถสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการสร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้า เช่น การคลิกโฆษณา การเข้าชมเว็บไซต์ การสมัครรับข้อมูล รวมไปถึงการสร้างยอดขายให้กับธุรกิจของคุณ
การลงโฆษณา Google Ads ต้องมีการควบคุมงบประมาณอยู่เสมอเพื่อไม่ให้เกิน Budget ที่ตั้งไว้ โดยบทความนี้ >> จะเป็นการบอก 3 วิธีทำ Google Ads อย่างไรให้ค่าโฆษณาถูกลง 2 เท่า
Google Ads มีหลากหลายประเภทด้วยกัน วันนี้เราจะพาคุณไปทำความรู้จักกับประเภทของโฆษณา Google Ads ต่าง ๆ และการโฆษณาประเภทไหนที่ได้รับความนิยมมากที่สุดรวมไปถึงโฆษณาประเภทใดที่สามารถนำมาปรับใช้ให้เหมาะกับธุรกิจของคุณ จากคำถามทั้งหมดที่คุณกำลังหาคำตอบอยู่บทความนี้จะคลายข้อสงสัยทั้งหมดให้กับคุณการลงโฆษณา Google
ความสำคัญของ Google Ads
1. การเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย
Google Ads ช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วและตรงกลุ่ม ซึ่งจะช่วยให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่มีแนวโน้มที่มีความสนใจในสินค้าหรือบริการ โดยสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมายตามปัจจัยต่าง ๆ ได้ เช่น ความสนใจ พฤติกรรม ตำแหน่งที่ตั้ง เป็นต้น โดยโฆษณาของธุรกิจจะปรากฏขึ้นเมื่อกลุ่มเป้าหมายทำการค้นหาหรือเข้าชมเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันที่ธุรกิจกำหนดเป้าหมายไว้
2. เว็บไซต์มีการเยี่ยมชมมากขึ้น
ลงโฆษณา Google ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณมีโอกาสได้รับการเยี่ยมชมมากขึ้น เนื่องจากการแสดงโฆษณาบนหน้าผลการค้นหาของ Google โฆษณาของ Google Ads มักปรากฏขึ้นบนหน้าผลการค้นหา ซึ่งเป็นหน้าที่มีผู้เข้าใช้งานจำนวนมาก ดังนั้นจึงมีโอกาสสูงที่กลุ่มเป้าหมายจะคลิกโฆษณาและเยี่ยมชมเว็บไซต์ของธุรกิจคุณ
3. การวิเคราะห์
Google Ads มีเครื่องมือติดตามผลการโฆษณาที่ให้ข้อมูลที่มีประสิทธิภาพในการวิเคราะห์ผลลัพธ์ของแคมเปญ ผู้ลงโฆษณาสามารถใช้ข้อมูลนี้ในการปรับแต่งแผนหรือกลยุทธ์การโฆษณาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพหรือนำไปต่อยอดในการโฆษณาในครั้งต่อไปได้
4. การเพิ่มยอดขาย
การโฆษณาผ่าน Google Ads ช่วยให้ธุรกิจสามารถเพิ่มยอดขายได้ เนื่องจากการโฆษณาที่ตรงกับความต้องการและความสนใจของลูกค้าสามารถทำให้มีการคลิกและการซื้อสินค้าหรือบริการมากขึ้น
5. ความยืดหยุ่นในงบประมาณ
Google Ads มีความยืดหยุ่นในการกำหนดงบประมาณ คุณสามารถกำหนดจำนวนเงินที่ต้องการใช้รายวันหรือรายเดือน ซึ่งช่วยให้ธุรกิจทุกระดับตั้งแต่ธุรกิจขนาดเล็กจนถึงธุรกิจขนาดใหญ่สามารถเข้าถึงการโฆษณาออนไลน์ได้
6. การแข่งขันในตลาด
การใช้ Google Ads ไม่เพียงแต่ช่วยเพิ่มการเยี่ยมชมเว็บไซต์ แต่ยังสามารถเป็นกำลังสำคัญในการสร้างและเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจออนไลน์ในยุคที่การตลาดออนไลน์มีบทบาทสำคัญมากขึ้นในปัจจุบัน
ประเภทของโฆษณา Google Ads
โดยประเภทของแคมเปญ Google Ads แบ่งออกเป็น 5 ประเภทหลักๆ ได้แก่
1. Search Ads
Search Ads เป็นประเภทของ Google Ads ที่นิยมใช้กันอย่างมาก เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการขยายฐานลูกค้าและเพิ่มการเข้าเยี่ยมชมเว็บไซต์รวมไปถึงเพิ่มยอดขาย โดยโฆษณานี้จะปรากฏก็ต่อเมื่อผู้ใช้ทำการค้นหาคำหรือ Keyword ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งผลการค้นหาจะปรากฎในอันดับใดจะขึ้นอยู่กับการประมูลแบบราคาต่อคลิก (Pay Per Click หรือ PPC) โดยโฆษณาที่ให้ราคาเสนอสูงสุดมักจะถูกแสดงขึ้นก่อน ตำแหน่งของโฆษณายังขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่น ๆ เช่น ความเกี่ยวข้องของคีย์เวิร์ด คุณภาพของโฆษณา และประวัติการคลิกของผู้ลงโฆษณา
2. Google Display Ads หรือ Display Ads
Display Ads คือ รูปแบบโฆษณาที่ปรากฏบนเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันที่เป็นพาทเนอร์กับ Google เช่น Gmail , YouTube , Website หรือ Application ต่าง ๆ โดยประเภทของโฆษณานี้ประกอบไปด้วยข้อความ , รูปภาพ , Video , Banner เป็นต้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเพิ่ม Awareness ให้กับแบรนด์หรือต้องการให้ธุรกิจของคุณเป็นที่รู้จักและมีการเข้าถึงเพิ่มมากขึ้น
3. Video Ads หรือ YouTube Ads
Video Ads คือ รูปแบบโฆษณาที่ปรากฏในรูปแบบวีดีโอ โดยจะมีความคล้ายกับ Display Ads แต่จุดที่แตกต่างกันของ Video Ads คือจะแสดงผลเป็น Video บนแพลตฟอร์มของ Youtube เท่านั้น! ซึ่งมีการนำเสนอข้อมูลหรือเนื้อหาในรูปแบบภาพความเคลื่อนไหวและเสียง ทำให้สามารถสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพและดึงดูดความสนใจของกลุ่มเป้าหมายได้ดีมากขึ้น
เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการให้แบรนด์เป็นที่รู้จักให้มากขึ้น ยกตัวอย่างเช่น แบรนด์ Apple ที่มีการใช้โฆษณาประเภท Video Ads เปิดตัว Iphone รุ่นใหม่และนำเสนอสินค้าอยู่เสมอ โดยโฆษณาประเภทนี้ควรทำควบคู่กับการโฆษณาประเภท Search หรือ Shopping เนื่องจากปัจจุบันผู้บริโภคมักจะมีการหาข้อมูลก่อนตัดสินใจซื้อ การทำควบคู่กันไปนี้จะเพิ่มประสิทธิภาพของโฆษณาได้มากขึ้น
4. App Ads
App Ads หรือ โฆษณาแอปพลิเคชัน คือ รูปแบบของโฆษณาที่ถูกออกแบบมาเพื่อโปรโมทแอปพลิเคชัน (App) ในระบบปฏิบัติการมือถือ เช่น iOS หรือ Android โฆษณานี้มักปรากฏในตำแหน่งต่าง ๆ บนอุปกรณ์มือถือ เช่น
– บนหน้าจอหลัก
โฆษณาเหล่านี้จะปรากฏบนหน้าจอหลักของอุปกรณ์มือถือ มักเป็นโฆษณารูปภาพหรือวิดีโอ
– ในผลการค้นหา
โฆษณาเหล่านี้จะปรากฏในผลการค้นหาของ Google เมื่อผู้ใช้ค้นหาคำหรือ Keyword ที่เกี่ยวข้องกับแอปของคุณ มักเป็นโฆษณาในรูปแบบข้อความ
– ในแอปอื่น ๆ
โฆษณาเหล่านี้จะปรากฏในแอปอื่นๆ ที่ผู้ใช้กำลังใช้งาน มักเป็นโฆษณาแบบโต้ตอบ
App Ads มีหลากหลายรูปแบบ แต่ละรูปแบบมีจุดแข็งและจุดอ่อนที่แตกต่างกัน และนี่คือประเภท App Ads บางส่วนที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
1) App Install Ads
เป็นโฆษณาที่ออกแบบมาเพื่อกระตุ้นให้ผู้ใช้ติดตั้งแอปของคุณ โฆษณานี้มักแสดงบนหน้าจอหลักของอุปกรณ์มือถือหรือในผลการค้นหาของ Google
2) App Engagement Ads
เป็นโฆษณาที่ออกแบบมาเพื่อกระตุ้นให้ผู้ใช้เปิดแอปหรือดำเนินการบางอย่างในแอปของคุณ โฆษณาเหล่านี้มักแสดงในแอปอื่น ๆ ที่ผู้ใช้กำลังใช้งาน
3) App Retargeting Ads
เป็นโฆษณาที่แสดงต่อผู้ใช้ที่เคยติดตั้งแอปของคุณมาก่อน โฆษณาเหล่านี้มักใช้เพื่อกระตุ้นให้ผู้ใช้กลับมาใช้แอปของคุณอีกครั้ง
ประเภท App Ads ที่เลือกควรขึ้นอยู่กับเป้าหมายทางการตลาด ยกตัวอย่างเช่น
– หากคุณต้องการเพิ่มจำนวนการติดตั้งแอป คุณอาจเลือก App Install Ads
– หากคุณต้องการกระตุ้นให้ผู้ใช้เปิดแอป คุณอาจเลือก App Engagement Ads
– หากคุณต้องการกระตุ้นให้ผู้ใช้กลับมาใช้แอปอีกครั้ง คุณอาจเลือก App Retargeting Ads
5. Shopping Ads
Shopping Ads คือ โฆษณาที่แสดงรูปภาพและข้อมูลผลิตภัณฑ์ เช่น ราคา ชื่อ ข้อมูลจำเพาะ และอื่นๆ โฆษณาประเภทนี้มักแสดงในผลการค้นหาของ Google เมื่อผู้ใช้ค้นหาคำหรือ Keyword ที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ของคุณ
องค์ประกอบที่ช่วยกระตุ้นผู้บริโภคให้ซื้อสินค้า
ชื่อสินค้า : ควรสั้น กระชับ และตรงประเด็น แสดงถึงผลิตภัณฑ์ของคุณอย่างชัดเจน
ราคา : ควรถูกต้องและอัปเดตอยู่เสมอ
รูปภาพ : คมชัด คุณภาพดีและแสดงผลิตภัณฑ์ของคุณอย่างเด่นชัด
ข้อมูลจำเพาะ : ควรบ่งบอกรายละเอียดที่สำคัญเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ของคุณ เช่น ขนาด สี และวัสดุ เป็นต้น
โดยคุณสามารถเลือกใช้งาน Google Ads ประเภทใดประเภทหนึ่ง หรือเลือกใช้งานร่วมกันได้ โดยพิจารณาจากวัตถุประสงค์ทางการตลาดและกลุ่มเป้าหมายของธุรกิจ ตัวอย่างการเลือกใช้งานให้เหมาะกับธุรกิจ เช่น
– ธุรกิจที่ขายสินค้าอุปโภคบริโภค
ควรเลือกใช้งาน Google Ads ประเภท Search Ads และ Display Ads เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่กว้างและหลากหลาย
– ธุรกิจที่ขายสินค้าหรือบริการเฉพาะกลุ่ม
ควรเลือกใช้งาน Google Ads ประเภท Search Ads และ Display Ads เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ตรงกับความสนใจของธุรกิจ
– ธุรกิจที่ขายสินค้าหรือบริการผ่านแอปพลิเคชัน
ควรเลือกใช้งาน Google Ads ประเภท App Ads เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ใช้งานแอปพลิเคชันเป็นหลัก
ปัจจัยที่ใช้พิจารณา Google Ads
1. วัตถุประสงค์ทางการตลาด
ธุรกิจควรกำหนดวัตถุประสงค์ทางการตลาดก่อนเริ่มใช้งาน Google Ads โดยวัตถุประสงค์ทางการตลาดอาจเป็นการสร้างการรับรู้ การสร้างการมีส่วนร่วม การสร้างยอดขาย เป็นต้น
2. กลุ่มเป้าหมาย
ธุรกิจควรระบุกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการให้เข้าถึง โดยพิจารณาปัจจัยต่างๆ เช่น ความต้องการ ความสนใจ พฤติกรรม เป็นต้น
3.งบประมาณ ธุรกิจควรกำหนดงบประมาณที่จะใช้ในการลงโฆษณา Google โดยพิจารณาจากวัตถุประสงค์ทางการตลาดและกลุ่มเป้าหมายที่ตั้งไว้
4. ทรัพยากร
ธุรกิจควรพิจารณาทรัพยากรที่มีอยู่ เช่น บุคลากร เวลา เป็นต้น
5. ความพร้อมของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชัน
ควรตรวจสอบความพร้อมของเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันก่อนเริ่มใช้งาน Google Ads โดยเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันควรมีเนื้อหาที่มีคุณภาพและตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย
นอกจากปัจจัยข้างต้นแล้วยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่อาจส่งผลต่อการพิจารณาการใช้ Google Ads เช่น การแข่งขันของธุรกิจในอุตสาหกรรม แนวโน้มของตลาด เป็นต้น
ยกตัวอย่าง เช่น
– ธุรกิจที่ขายสินค้าอุปโภคบริโภค
ควรตั้งวัตถุประสงค์ทางการตลาดเพื่อสร้างการรับรู้และสร้างยอดขาย โดยกลุ่มเป้าหมายอาจเป็นผู้บริโภคทั่วไปที่มีความสนใจในสินค้าอุปโภคบริโภค โดยธุรกิจควรกำหนดงบประมาณในการโฆษณาที่เหมาะสมกับการแข่งขันของธุรกิจในอุตสาหกรรม
– ธุรกิจที่ขายสินค้าหรือบริการเฉพาะกลุ่ม
ควรตั้งวัตถุประสงค์ทางการตลาดเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมและสร้างยอดขาย โดยกลุ่มเป้าหมายอาจเป็นผู้บริโภคที่มีความสนใจในสินค้าหรือบริการเฉพาะกลุ่ม โดยธุรกิจควรกำหนดงบประมาณในการโฆษณาที่เหมาะสมกับขนาดของกลุ่มเป้าหมาย
– ธุรกิจที่ขายสินค้าหรือบริการผ่านแอปพลิเคชัน
ควรตั้งวัตถุประสงค์ทางการตลาดเพื่อสร้างการรับรู้และดึงดูดผู้ใช้ให้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน โดยกลุ่มเป้าหมายอาจเป็นผู้บริโภคที่มีความสนใจในสินค้าหรือบริการที่ธุรกิจนำเสนอ
คุณควรศึกษาหาความรู้หรือปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการตลาดดิจิทัล เพื่อให้สามารถตัดสินใจเลือกใช้ Google Ads ได้อย่างเหมาะกับธุรกิจ IDM Council ได้เปิดคอร์สเรียนการตลาดดิจิทัลที่สอนโดยอาจารย์ผู้สอนที่ได้การรรับรองมาตรฐานความรู้จากสถาบันระดับโลก ซึ่งปัจจุบันทำงานทางด้าน Online Marketing มีประสบการณ์ตรง พร้อมที่จะถ่ายทอดให้ผู้เข้าอบรมอย่างเต็มที่ในคอร์สเรียน Advanced Digital Marketing Certificate สุด Exclusive จะเป็นการอัพความรู้ทางด้านดิจิทัลแบบเข้มข้น กระชับ ทันสมัย และสามารถนําไปใช้งานได้จริง คอร์สเรียนนี้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ทำให้คุณมีความรู้ที่เหนือคู่แข่งและรู้เท่าทันต่อความต้องการของผู้บริโภค
สรุป
การเลือกใช้ Google Ads ให้ตรงกับธุรกิจของคุณไม่ใช่เรื่องยาก หากมีการวางแผนและวิเคราะห์ข้อมูลอย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงการรู้จักประเภทของโฆษณาต่าง ๆ จะสามารถช่วยให้คุณลงโฆษณา Google ได้ตรงตามกลุ่มเป้าหมายธุรกิจและช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรับรู้และเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจของคุณได้